7 เม.ย.ชี้ชะตา "เอ๋-ปารีณา" ได้กลับสภาฯ หรือหลุด ส.ส.

เส้นทางชีวิตการเมืองของนักการเมืองหญิงคนดังในยุคโซเชียลมีเดีย เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ หรือเอ๋ โพธาราม ส.ส.ราชบุรี 4 สมัย พรรคพลังประชารัฐ หัวหอกกองเชียร์ลุงตู่-ลุงป้อม ที่ทำให้มีทั้งคนรักคนชังมากมายทั่วประเทศ กำลังเดินมาถึงจุดสำคัญในชีวิตทางการเมือง

เพราะวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน เวลา 10.30 น. จะเป็นวันชี้ชะตาสำคัญว่า เอ๋ ปารีณา จะได้กลับเข้าสภาฯ ในฐานะ ส.ส.อีกครั้งหรือไม่? หลังถูกศาลฎีกาสั่งให้หยุดพักการปฏิบัติหน้าที่การเป็น ส.ส.มาตั้งแต่ 25 มีนาคม 2564 หรือร่วม 1 ปีมาแล้ว

จากผลพวงเรื่องถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีครอบครอง และทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐโดยมิชอบ ในพื้นที่ ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี จำนวน 711 ไร่ จนต่อมาถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ที่มีการชี้มูลความผิดใน 2 ข้อหา คือ เป็น ส.ส.กระทำการอันเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม หรือที่เรียกว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน และเป็น ส.ส.กระทำการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย

หลังผลการไต่สวนของ ป.ป.ช.ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการ ป.ป.ช.ระบุว่า ที่ดินเจ้าปัญหาดังกล่าว ในช่วงปี 2545-2546 นายทวี ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี บิดาของ เอ๋ ปารีณา ได้เข้ามาประกอบกิจการเลี้ยงไก่ และระหว่างการครอบครองต่อมา ปารีณาก็เข้ามาเป็นผู้ซื้อขายไฟฟ้าเพื่อใช้ประกอบกิจการปศุสัตว์ดังกล่าว แต่ไม่ปรากฏว่า น.ส.ปารีณาเข้ามายื่นคำขอใช้ที่ดินปฏิรูป แต่กลับมีพฤติการณ์ถือครอง และกระจายการถือครอง ก่อนดำเนินการถือครองในชื่อของ น.ส.ปารีณาอีกครั้ง

ป.ป.ช.จึงเห็นว่า พฤติการณ์ของปารีณาต้องการหลีกเลี่ยงมิให้ที่ดินดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เพื่อประโยชน์ของธุรกิจตนหรือผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ฝ่ายเดียว ไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

โดยก่อนหน้านี้ นิวัติไชย เกษมมงคล โฆษก ป.ป.ช. แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงมติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลปารีณาในคดีนี้ไว้ว่า สิ่งที่ปารีณากระทำการมีเจตนาที่ต้องการหลีกเลี่ยงมิให้ที่ดินดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปที่ดิน เป็นการปิดโอกาสหรือหวงกั้นมิให้บุคคลอื่นเข้าใช้ประโยชน์ที่ดิน มุ่งแสวงหาประโยชน์จากที่ดินของรัฐ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจตนหรือผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ฝ่ายเดียว แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่ยึดถือระเบียบหลักเกณฑ์กฎหมาย และไม่ประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมาย

"การกระทำของปารีณา ผู้ถูกกล่าวหา ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2562 ข้อ 11 และข้อ 17"

จากนั้นคดีดังกล่าวก็ดำเนินไปโดย ป.ป.ช.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาได้รับคำร้องและมีคำสั่งให้ปารีณายุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และใช้เวลาไต่สวนคำร้อง โดยมีพยานฝ่ายผู้ร้องคือ ป.ป.ช. และผู้ถูกร้องคือ เอ๋ ปารีณา เข้าเบิกความสู้คดีกันตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งฝ่ายปารีณาและทนายความ ได้นำพยานขึ้นสู้คดีร่วม 10 ปาก ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของที่ดินเดิม-เจ้าหน้าที่ปฏิรูปที่ดิน และเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เพื่อยืนยันต่อศาลว่า ไม่ได้บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนตามที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นการรับมรดกที่ดินส่งต่อมาจากบิดานายทวี ไกรคุปต์ ตั้งแต่ก่อนที่จะประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน

สุดท้าย วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายนนี้ จะได้รู้กันว่าองค์คณะของศาลฎีกาจะตัดสินคดีนี้ออกมาอย่างไร?

โดยหากศาลฎีกาเห็นว่า "เอ๋-ปารีณา" ไม่ได้มีพฤติการณ์ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.ก็คือยกคำร้อง ปารีณาคงดีใจสุดชีวิต เพราะจะได้กลับมาเป็น ส.ส.เต็มตัวอีกครั้ง และจะทำให้ฝ่ายรัฐบาลได้ ส.ส.กลับคืนมาอีก 1 เสียง ไว้คอยโหวตสู้กับฝ่ายค้านตอนศึกซักฟอกกลางปีนี้ แต่หากออกมาตรงกันข้าม คือศาลฎีกาตัดสินว่าปารีณามีพฤติการณ์ตามคำร้อง คือเห็นว่าฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีการกระทำที่เป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ก็จะเป็นข่าวร้ายของปารีณา และพลังประชารัฐ ที่ต้องไปดูว่าในคำพิพากษาของศาลฎีกาจะอออกมาอย่างไร เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 บัญญัติว่า

“หากศาลฎีกาฯ พิพากษาว่ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ต้องคำพิพากษานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปีด้วยหรือไม่ก็ได้ หากผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง จะไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว. สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ”

ที่ก็คือ ถ้าเธอได้ข่าวร้าย นอกจากทำให้ปารีณาหลุดจาก ส.ส.แล้ว ยังต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งตลอดไป ไม่สามารถลงเล่นการเมืองได้ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น และทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมที่ราชบุรีตามมาทันที

พฤหัสบดีที่ 7 เมษายน เอ๋ ปารีณา จะได้ข่าวดีหรือข่าวร้าย FC แฟนคลับเจ๊เอ๋รอติดตามกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่อง“โมเดล”ดับไฟเมียนมา “ทักษิณ”พลิกธุรกิจสีเทาเข้าระบบ

ระดับแกนนำ“พรรคเพื่อไทย”ออกอาการอ้ำอึ้ง ไม่รู้ไม่เห็นกรณี “ทักษิณ ชินวัตร” ไปคุยกับชนกลุ่มน้อยเมียนมา ตั้งแต่ช่วงสงกรานต์เป็นต้นมา แต่สื่อตะวันตกต่างนำเสนอข่าวอย่างครึกโครม

กินข้าวค้างสต๊อกกลบจำนำข้าว แผนปูทาง"ยิ่งลักษณ์"กลับไทย?

หลัง ทักษิณ ชินวัตร-หัวหน้ารัฐบาลเพื่อไทยตัวจริง ได้ออกมาระบุเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างการกลับไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดของตระกูล “ชินวัตร” ว่า สงกรานต์ปีหน้า ยิ่งลักษณ์คงได้มีโอกาสกลับมาทำบุญและเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ และไม่แน่ อาจกลับภายในปีนี้

เคาต์ดาวน์สว.5ปีอำลาเก้าอี้ จับตาเลือกตะลุมบอนรอบใหม่

เคาต์ดาวน์สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ที่จะหมดวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 11 พ.ค.นี้ บางคนบอกลากันทีชุดลากตั้ง ที่มีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้ให้กำเนิด และมาพร้อมกับอำนาจพิเศษที่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย

“อุ๊งอิ๊ง”เล่นใหญ่เกินเบอร์ ไล่ทุบ"แบงก์ชาติ"กระแสตีกลับ สงครามเย็น พท.-ธปท.จบยาก

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี-รมว.พาณิชย์ แกนนำรัฐบาลเพื่อไทย ออกมาดาหน้าปกป้อง อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการใหญ่ หลังโดนวิจารณ์-ถล่มเละ กรณี อุ๊งอิ๊ง เล่นใหญ่เกินเบอร์ ใช้เวทีอีเวนต์การเมืองของพรรคเมื่อ 3 พ.ค. อ่านโพยตามสคริปต์ที่คนเขียนมาให้ ด้วยการ อัดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า

เศรษฐา1/1เร่งเครื่อง ปม'พิชิต'ทำติดหล่ม หวังศาลรธน.เคลียร์จบ

ครม.เศรษฐา 1/1 หลังจากนี้ก็สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้ง ที่มีทั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่