
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วางไทม์ไลน์การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 จ.ราชบุรี แทน ‘เอ๋’ ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่ง ส.ส. กรณีผิดจริยธรรมร้ายแรงจากการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน ไว้วันที่ 15 พฤษภาคมนี้
แม้จะเป็นช่วงปลายเทอมของรัฐบาล แต่เป็นอีกสนามที่น่าจะดุเดือด เพราะเป็นอีกครั้งที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องฟาดฟันกันเอง
แชมป์เก่าคือ ‘เอ๋ ปารีณา’ จากพรรคพลังประชารัฐ โดยในการเลือกตั้งปี 2562 สามารถกวาดคะแนนได้มโหฬารถึง 46,409 คะแนน ชนะขาดลอย ‘ส.จ.เส็ง’ ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ไปเพียง 29,423 คะแนน
แม้ ‘เอ๋ ปารีณา’ จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต แต่พรรคพลังประชารัฐจะยังให้เกียรติเจ้าของพื้นที่ในการมีส่วนร่วมเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคขึ้นมาเพื่อป้องกันแชมป์
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ ‘ส.จ.เส็ง’ จะลงสนามเพื่อมาล้างตากับ ‘เอ๋ ปารีณา’ อีกรอบ โดยมั่นใจว่าจะไม่แพ้แบบหลุดลุ่ยเหมือนครั้งก่อน และหวังถึงขั้นล้มช้างได้
ส่องโปรไฟล์ ‘ส.จ.เส็ง’ คนนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เป็นคนที่มี ‘สายป่านยาว’ โดยเป็นญาติกับ ‘สมชาย กมลพันธ์ทิพย์’ นักธุรกิจชื่อดังในเมืองโพธาราม
‘เสี่ยสมชาย’ เป็นเจ้าของธุรกิจลีสซิ่ง และ The Resort Water Park สวนผึ้ง จ.ราชบุรี คนที่เคยสร้างความฮือฮา ตกเป็นข่าวโด่งดังจากการหว่านทาน 1 ล้านบาท ในงานบวชลูกชาย เมื่อเดือนมิถุนายน 2561
นอกจากนี้ ในปี 2563 เสี่ยคนดังรายนี้ยังเปิดรีสอร์ต ควักเงิน 4 ล้านบาท แจกให้กับชาวบ้านใน อ.โพธาราม เพื่อช่วยเหลือหลังได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19
ขณะที่ ‘ตระกูลกมลพันธ์ทิพย์’ เป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังหลายแห่งใน จ.กาญจนบุรี ขณะที่ ‘เสี่ยสมชาย’ เองเป็นนักธุรกิจที่กว้างขวางในเมืองกาญจน์ และแผ่อาณาจักรมายังพื้นที่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็น จ.ราชบุรี สมุทรสาคร นครปฐม
ในราชบุรีรับรู้กันว่า ‘เสี่ยสมชาย’ คือทุนใหญ่ของ ‘ส.จ.เส็ง’ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์
สำหรับ ‘ส.จ.เส็ง’ อยู่ในการเมืองท้องถิ่นมานาน ก่อนจะมุ่งสู่สนามเลือกตั้งระดับชาติในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 โดยขณะนั้นหมายมั่นปั้นมือว่าจะคว่ำ ‘เอ๋ ปารีณา’ ลงให้ได้
ตอนนั้นกระสุนดินดำของเขามีเพียบพร้อม และตั้งใจจะสาดไม่อั้น แต่สุดท้ายไม่สามารถยิงกระสุนได้ เพราะถูกบล็อกจากเงาที่อยู่ข้างหลังผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ
ขณะเดียวกันยังลือกันทั่วว่า ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 กระสุนของอีกฝั่งยิงหนัก เรียกว่า ‘ต่อหัว’ มากถึงขนาดเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นใน อ.โพธาราม และ อ.จอมบึง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 3 มาก่อน
เมื่อมีกระสุน แต่ใช้การไม่ได้ แล้วอีกฝั่งยิงโหดแบบหฤห่าม คะแนนของ ‘เอ๋ ปารีณา’ จึงขาดกระจุยดังที่เห็น
ขนาด อ.โพธาราม ฐานที่มั่นของ ‘ส.จ.เส็ง’ ที่ว่าคะแนนดีกว่าแน่ๆ ยังแพ้ยู่ยี่
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ‘ส.จ.เส็ง’ มีความพร้อมกว่าครั้งก่อน ลุยทำพื้นที่หนักตั้งแต่ ‘เอ๋ ปารีณา’ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.
ที่สำคัญรอบนี้อาจได้ “พลังภายใน” จากคนในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งของตัวเองมาช่วยอีกต่างหาก เพราะ ‘ส.จ.เส็ง’ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ‘บ้านใหญ่ราชบุรี’ ของ ‘กำนันตุ้ย’ วิวัฒน์ นิติกาญจนา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี สามีของ ‘บุญยิ่ง นิติกาญจนา’ ส.ส.เขต 2 จ.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ
แม้ ‘เอ๋ ปารีณา’ จะอยู่พรรคเดียวกับ ‘บุญยิ่ง’ แต่ระยะหลังทั้งคู่ไม่ลงรอยกัน อันมีสาเหตุมาจากการที่ ‘เอ๋ ปารีณา’ ออกตัวประกาศสนับสนุนผู้สมัครอีกราย ซึ่งเป็นคู่แข่งของ ‘กำนันตุ้ย’ ในการเลือกตั้งนายก อบจ.เมื่อปี 2563
ขณะเดียวกัน ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ที่ผ่านมา ‘ส.จ.เส็ง’ ได้เข้ามาช่วย ‘กำนันตุ้ย’ สู้ศึกเลือกตั้งนายกเล็ก จนได้รับชัยชนะ
หนึ่งในทีมผู้บริหาร อบจ.ของ ‘กำนันตุ้ย’ ชุดปัจจุบัน ยังปรากฏชื่อ ‘จตุพร กมลพันธ์ทิพย์’ อดีตประธานสภา อบจ.ราชบุรี ญาติของ ‘ส.จ.เส็ง’ นั่งเป็นรองนายก อบจ.ราชบุรีของ ‘กำนันตุ้ย’ อยู่ด้วย
จึงทำให้มีการจับตามองกันอย่างมากว่า ‘บ้านนิติกาญจนา’ จะวางตัวต่อการเลือกตั้งนี้อย่างไร เพราะคู่แข่งของพรรคพลังประชารัฐคือทีมงานของตัวเอง
ขณะที่ฝั่ง ‘เอ๋ ปารีณา’ แม้จะไม่สามารถลงแข่งเองได้ และดูเหมือน ส.ส.ราชบุรีในพรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่ยื่นมือมาช่วย หรืออาจจะไปแอบถือหางอีกฝั่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าฐานเสียงของ ‘เอ๋ ปารีณา’ ก็ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน
ฐานที่มั่นของ ‘เอ๋ ปารีณา’ นั้น อยู่ที่ อ.จอมบึง ซึ่งมีประชากรมากกว่า อ.โพธาราม ฐานที่มั่นของ ‘ส.จ.เส็ง’ ไม่น้อย
แม้ในสื่อภาพลักษณ์ของ ‘เอ๋ ปารีณา’ จะไม่ค่อยดี แต่เสียงสะท้อนในพื้นที่ อ.จอมบึง จัดอยู่ในระดับ ‘แข็งโป๊ก’
ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ว่า พรรคพลังประชารัฐในฐานะแชมป์เก่าจริงจังแค่ไหนกับการต่อสู้ครั้งนี้ที่อยู่ในช่วงปลายเทอม และไม่ได้มีผลต่อเสียงในสภามากนัก
พรรคพลังประชารัฐจะยังสาดกระสุนหนักเหมือนเมื่อปี 2562 หรือสู้แต่เพียงหน้าเสื่อเท่านั้น เพราะเห็นว่าไม่คุ้มที่จะทุ่มเทกับระยะเวลาที่เหลืออยู่อีกกี่ไม่เดือน
หากสู้แค่ตามเนื้อผ้า ไม่อัดกระสุนดินดำเลย งานนี้ต้องบอกว่า ‘เอ๋ ปารีณา’ เหนื่อยแน่ และไม่มีคำว่าขาดลอยอีกแล้ว เพราะอีกฝ่ายอยากจะเป็น ส.ส.สมัยแรกมาก
พรรคประชาธิปัตย์เองก็ขายได้ใน จ.ราชบุรี มีฐานแฟนคลับเก่าๆ อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญกำลังฮึกเหิมมาจากชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม 2 สนาม ไม่ว่าจะทั้งที่ จ.ชุมพร และสงขลาที่ผ่านมา
แรงจูงใจที่อยากจะชนะมีมาก แถมอะไรๆ ยังดูเอื้อให้อีก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ
เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569
'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'
ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ
แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน
รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม
วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)


