ข้อพิสูจน์ความจริงใจ เพื่อไทยกับมาตรา 112

หลังจาก พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 เมื่อ 28 ต.ค.ไป ภายใต้ธีมงาน “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” การปรับเปลี่ยนตัวอักษรของพรรค พท. จากสีน้ำเงินเป็นตัวสีขาว ฉากหลังสีแดงล้วน และการเปิดตัวลูกรักคนแดนไกล อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม  

พรรคเพื่อไทยเหมือนจะได้ยาดี มีความกระชุ่มกระชวยอย่างบอกไม่ถูก การชุมนุม กลุ่มราษฎร เมื่อวันที่ 31 ต.ค. บริเวณสี่แยกราชประสงค์ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล อ่านแถลงการณ์คณะราษฎร   

ยกเลิก 112 และเรื่องปล่อยนักโทษการเมือง-ยกเลิก ม.112 มีเนื้อหาสรุปว่า ขอเรียกร้องต่อคณะตุลาการผู้ผดุง ซึ่งสิทธิ เสรีภาพและความยุติธรรมของราษฎรทั้งหลาย และต่อรัฐสภาซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนของประชาชน ดังนี้ 1.ให้สิทธิในการประกันตัว และปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมืองทุกคนออกมาจากเรือนจำ และ 2.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 

ยังไม่ทันข้ามวัน พรรคเพื่อไทยเด้งรับข้อเสนอทันที ‘นายชัยเกษม นิติสิริ’ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ออกจดหมายเปิดผนึกผ่านเพจพรรคเพื่อไทยยืนยันเจตนารมณ์ว่า  

- ปัญหาการใช้กฎหมายอาญาดำเนินคดีเพื่อจำกัดความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างอย่างล้นเกิน ไม่ว่าจะเป็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 พระราชบัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หรือความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สร้างผลกระทบให้ประชาชนเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนสงสัยว่า ไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวโดยมิชอบด้วยหลักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ซึ่งทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในหลักกฎหมายและหลักความยุติธรรมของประเทศ 

- พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคที่มีเสียงสมาชิกมากที่สุดในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมนำข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานของบุคคลในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล และราชทัณฑ์ ว่าได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้ดุลยพินิจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายหรือไม่ และตรวจสอบการสั่งการโดยรัฐบาล รวมถึงการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว และไม่ให้เกิดนักโทษทางความคิดเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศไทย 

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ระบุผ่านการแถลงข่าวว่า ‘พรรคเพื่อไทยจะนำข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะใช้กลไกของรัฐสภาในทุกช่องทาง ยุติความขัดแย้งในระยะยาวต่อไปให้ได้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่มองข้ามเสียงของประชาชน และมีความตั้งใจที่จะนำข้อเสนอหรือข้อเรียกร้องของประชาชนในสิทธิประกันตัวให้กับผู้เห็นต่างทางความคิดให้ได้’ 

ผิดคาดเล็กๆ กับท่าทีของพรรคเพื่อไทย ปกติพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าจะเป็นเสือปืนไว เด้งรับข้อเสนออย่างเป็นทางการเป็นอันดับแรก แต่คราวนี้กลายเป็นพลพรรคเพื่อไทยที่ออกมาขานรับ แถลงการณ์กลุ่มราษฎร ทำให้ ส.ส.ก้าวไกลและสมาชิกก้าวหน้าทำได้เพียงออกมาชื่นชมท่าทีของพรรคเพื่อไทย 

ใช่ว่าจะมีแต่เสียงชื่นชม เสียงติติง คัดค้าน และท่าทีพรรคการเมืองจากฝ่ายตรงข้าม อย่างคนในพรรคพลังประชารัฐ คนในพรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้า ออกมาตั้งคำถามดังๆ ถึงการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ แกนนำ-ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีแนวคิดเหมือนกับแกนนำกลุ่มราษฎร 

เพื่อให้เป็นไปตามข้อเรียกร้อง กลุ่มราษฎรที่เรียกร้องให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 เพื่อพิสูจน์ความจริงใจพรรคเพื่อไทยว่า ที่พูดออกมาเพียงเพื่อหวังดึงฐานเสียงคนรุ่นใหม่ หรือต้องการผลักดันให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ 116 จริงหรือไม่  

1.แถลงการณ์กลุ่มราษฎรระบุชัดว่า การแก้ไขมาตรา 112 ดังนั้ เพื่อไทยควรผลักดันนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายตามข้อเรียกร้องของมวลชน โดยการเสนอแก้ไขกฎหมาย โดยใช้เสียง ส.ส.เพื่อไทยดำเนินการ  

2.สมาชิกเพื่อไทยบางคนบอกว่า ฟังเสียงประชาชน และให้ความสำคัญกับท่าทีกลุ่มราษฎรเป็นพิเศษ ควรจะใช้สรรพกำลังทุกองคาพยพในพรรคเร่งรัดกฎหมายฉบับนี้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การบรรจุ นำเข้าสู่การพิจารณารับหลักการ แปรญัตติ และโหวตโดยเร็ว อย่าให้เวลาทอดยาวออกไป หรือเลยไปยังสมัยการประชุมหน้า  

3.เพื่อพิสูจน์ความเป็นเอกภาพ ของ ส.ส.เพื่อไทยทุกคน ก่อนจะเดินทางเข้าสู่วาระ 3 การโหวต พรรคเพื่อไทยต้องเรียกประชุมพรรค แล้วออกเป็นมติให้ ส.ส.ทุกคนโหวตไปในทิศทางเดียวกัน 

4.หัวหน้าพรรคเพื่อไทยต้องลงนามในหนังสือให้สมาชิกพรรค โหวตไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมกับคาดโทษ หาก ส.ส.คนใดแตกแถว จะได้รับบทลงโทษเหมือนกับ พวกที่โหวตแหกคอก ไม่เป็นไปตามมติพรรค ในการลงมติโหวตไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา  

เพียงเท่านี้จะพิสูจน์ว่า เพื่อไทยรับฟังเสียงราษฎรอย่างแท้จริง และที่พูดมีท่าทีออกมานั้นไม่ใช่แค่ ‘หวังเอาใจ’ แต่ต้องทำแบบ ‘เอาจริง’ ตามคำพังเพยที่ว่า ‘ท่านพูดเราฟัง ท่านทำ เรา (จะ) เชื่อ’.   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ทักษิณ' เอฟเฟกต์! ส่อทำการเมืองไทยวนลูปเดิม

ช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีประเด็นข่าวร้อนแรงมากมายแค่ไหน แต่มีบุคคลหนึ่งที่ถ้าอยู่ในหน้าข่าวเมื่อไหร่ มักจะสร้างประเด็นดรามาที่ต้องพูดถึงไม่หยุดกับพ่อใหญ่แห่งพรรคเพื่อไทย ทักษิณ ชินวัตร

'พิชัย' เซ็ง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ยถามสังคมแบบนี้ควรมีอิสระไหม!

'พิชัย' ผิดหวัง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ แต่กลับไม่เดือดร้อน ชี้ไม่ใช่หน้าที่แบงก์ชาติมากำหนดอัตราการเติบโต แนะอย่าอ้างว่าต้องอิสระบนความเดือนร้อนของประชาชน

สว.2567 เสี่ยงได้ วุฒิสภา สายพรรคการเมือง เชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เข้าสู่ช่วงเตรียมนับถอยหลังใกล้โบกมือลา สิ้นสุดการทำหน้าที่ของ สมาชิกวุฒิสภา ชุดปัจจุบันจำนวน 250 คน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

'เศรษฐา' ไม่ติดใจ 'ทักษิณ' มีบารมีมากกว่า

นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ​ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เพื่อรดน้ำขอพรวันสงกรานต์