จากเรื่องเล็กๆกลายเป็นเรื่องดราม่าจนได้กับกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่หลายคนตั้งถามว่าในการนับรวมชาวต่างชาติเป็นราษฎรด้วย โดยจะส่งผลต่อการคำนวณ ส.ส.แบบแบ่งเขต ซึ่งกลายเป็นข้อกังวลขึ้นที่ว่าบางพื้นที่ที่อาจจะได้รับการจัดสรรจำนวนส.ส.น้อย อาจจะได้มากกว่าปกติ
เรื่องนี้ถึงหูนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ และขอให้กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ฝั่งกกต.เองก็นั่งไม่ติด ออกมาชี้แจงแบบละเอียดหยิบโดยยกคำว่า “ราษฎร” ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยไว้เมื่อปี 2555 โดยพิจารณาจากกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร ซึ่งกำหนดให้ทั้งคนสัญชาติไทยและคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยต้องปฏิบัติ เช่น การแจ้งการเกิด การแจ้งการตาย การเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน เป็นต้น ดังนั้น
คำว่า “ราษฎร” จึงหมายถึงทั้ง คนสัญชาติไทยและคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
การพิจารณาคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่จะนำมาประกาศเป็นจำนวนราษฎร จะพิจารณาจากบุคคล ที่มีคุณสมบัติสามารถขอเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้าน ทั้งนี้เนื่องจากการมีชื่อในทะเบียนบ้าน ท.ร.13 หรือ ท.ร.14 แสดงถึงการมีภูมิลำเนาของบุคคลตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534
ซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่สามารถเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านได้ ประกอบด้วย คนที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวร (มีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว), คนที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว (พวกที่เข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมาย มีหนังสือเดินทาง/วีซ่า), คนที่อพยพเข้ามาอาศัยในประเทศไทยเป็นเวลานาน (มากกว่า 10 ปี) และรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล โดยมีมติ ครม.ให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำทะเบียนราษฎรไว้เป็นหลักฐาน เช่น ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นต้น
และการประกาศจำนวนราษฎรในอดีตที่ผ่านมา ก็ได้นับจำนวนราษฎรทั้งคนสัญชาติไทยและคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยดังกล่าว แต่เป็นการประกาศรวม เพิ่งจะมาแยกจำนวนที่เป็นไทยและจำนวนที่ไม่มีสัญชาติไทยเมื่อการประกาศจำนวนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2557 เป็นต้นมา เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนราษฎรในการบริหารหรือดำเนินกิจการในความรับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยที่นำมาประกาศจำนวนราษฎร ได้แก่ บุคคล 3 จำพวก คือ คนที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ถาวร, คนที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการชั่วคราว, คนที่อพยพเข้ามาอาศัยในประเทศไทยเป็นเวลานาน (มากกว่า 10 ปี) โดยไม่รวมกลุ่มแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา)
ซึ่งแม้กกต.จะพยายามอธิบายมากแค่ไหน แต่ฝั่งวิชาการ และภาคประชาสังคมมองว่าควรยื่นศาลตีความ และกกต.ก็ได้ส่งศาลตีความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ กระบวนการของศาลหลังจากนี้ จะดำเนินการไปสู่ ศาลจะแต่งตั้งตุลาการไม่น้อยกว่า 3 คน เป็นผู้พิจารณาก็ได้ เมื่อมีผู้ยื่นคำร้องเข้ามา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก็จะส่งเรื่องให้คณะตุลาการดังกล่าวภายใน 2 วันนับแต่วันที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้อง
โดยคณะตุลาการดังกล่าวจะต้องตรวจและมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญโดยในประเด็นนี้คดีเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องบทบัญญัติของกฎหมาย จึงมองว่าน่าจะไม่ใช้เวลานานในการวินิจฉัย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าศาลจะพิจารณาออกมาในรูปแบบไหน ดีหรือเสีย ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งแน่นอน โดยแบ่งเป็น1.ถ้าศาลพิจารณาอย่างเร็วที่สุด และวินิจฉัยเห็นว่าไปเป็นตามรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่เกิดผลกระทบอะไรต่อไทม์ไลน์เลือกตั้ง สามารถเข้าสู่ไทม์ไลน์การเลือกตั้งเดิมที่กกต.ได้วางไว้
2.ถ้าศาลพิจารณาล่าช้า แต่วินิจฉัยเห็นว่าไปเป็นตามรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งผลแต่เล็กน้อย โดยเฉพาะไทมไลน์การแบ่งเขตที่กกต.ได้กำหนดไว้ว่าจะพิจารณารูปแบบแบ่งเขตให้แล้วเสร็จภาย 20-28 ก.พ.66 ก็เลื่อนออกไปอีก รวมถึงการทำไพรมารีโหวตด้วยที่พรรคการเมืองจะต้องสรรหาผู้สมัครลงสู้ศึกการเลือกตั้งในแต่ละเขต
แต่อย่างไรก็ตามก็ยังอยู่ในกรอบการเลือกตั้งเดิมเพียง เพียงแต่การทำงานของกกต.หลังจากที่ศาลวินิจฉัย ไปจนถึงวันยุบสภาจะออกมาในรูปแบบไฟลนก้น
3.ถ้าศาลวินิจฉัยว่าความหมายของราษฎรในการแบ่งเขตเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะเกิดผลกระทบต่อการเลือกตั้งแบบเต็มๆ เพราะผอ.กกต.ทุกจังหวัดได้ออกแบบเขตเลือกตั้งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็น
ผลที่ตามมาคือจะทำให้ กกต.จะต้องสั่งให้ผอ.กกต.ทุกจังหวัดออกแบบเขตเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด และต้องออกแบบมากกว่า 3 รูปแบบให้บอร์ดกกต.พิจารณา ซึ่งจะกินเวลาไปสักพักเกินเดือนกว่าจะออกแบบรูปแบบแบ่งเขตใหม่ให้เป็นไปตามที่ศาลวินิจฉัย
เว้นเสียแต่ว่า กกต.จะทำแผนรับมือล่วงหน้าให้ผอ.กกต.ทุกจังหวัดออกแบบรูปแบบแบ่งเขตโดยใช้ราษฎร ที่มีสัญชาติไทยเพียงอย่างเดียวด้วย ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ก็จะส่งผลกระทบไม่มากนักต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หน้าที่และอำนาจของ สว. ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่สาระน่ารู้การเลือกสมาชิกวุฒิสภา 20 กลุ่มอาชีพร่วมใจ ขับเคลื่อนประเทศไทย ไปพร้อมกัน
'พนัส' ประชด กกต.สงสัยใช้มาตรา 309 จัดการผู้รณรงค์ให้ออกมาลงสมัคร สว.
นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
'จาตุรนต์' ซัดระเบียบ กกต.ทำให้เลือก สว.แย่ยิ่งกว่าจับฉลาก!
นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
คณะสอบวินัย"บิ๊กโจ๊ก"ส่อเค้าวุ่นไม่จบ “สราวุฒิ”จ่อเกษียณโยนเผือกร้อนสีกากี
สู้กันทุกกระบวนท่าเต็มสรรพกำลังอภิมหาศึก “สีกากี” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ ระบุว่า “การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ถามสภาฯ-กกต. ปมร้องสอบผู้สมัครสว.เลือกกันเอง ขัดรธน.หรือไม่
พ.ต.ท.กีรป กฤตธีรานนท์ เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผยเกี่ยวกับกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ร้องเรียนขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาวินิจฉัยเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 23 (1)
กกต. ชงศาลฎีกา ชี้ขาดใบดำ-ใบแดง 'สมชาย เล่งหลัก' ผู้สมัคร สส.สงขลา
เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสมชาย เล่งหลัก