ขย้ำ 'เศรษฐา' บีบเพื่อไทย ‘ขั้วอำนาจเก่า’ โชว์อิทธิฤทธิ์

‘เสี่ยนิด’ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อยู่ในสภาวะเดียวกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ที่ถูกขุดทุกแผลในอดีตขึ้นมา 

ต่างกันแค่วันนี้ เศรษฐา ถูกคนที่สังคมกำลังให้น้ำหนักในข้อมูล-คำพูดอย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินหน้าขยี้แผล โดยเฉพาะเรื่องการเลี่ยงภาษีสมัยเป็นผู้บริหารแสนสิริ 

ไม่ว่าตามกฎหมายเรื่องภาษีที่เกิดขึ้นจะถูกหรือผิด แต่มันได้ทำลายเครดิตของคนชื่อ ‘เศรษฐา’ มหาศาล  

ความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยตอนนี้ นอกจากการเดินหน้าเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ยังต้องคอยคิดยุทธศาสตร์เพื่อปกป้อง ‘เศรษฐา’ อีกทางหนึ่งด้วย  

แต่แม้พรรคเพื่อไทยจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งการที่ เศรษฐา ฟ้องกลับ ชูวิทย์ ทั้งการชี้แจงข้อกฎหมาย แต่นักเลือกตั้งหลายคนต่างให้แนวโน้มไปในลักษณะว่า ชื่อเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์น่าจะจบแล้ว  

หาก เสี่ยนิด ไปไม่ถึงฝัน ตกสวรรค์ก่อนจะโหวต คนเลยโฟกัสกันไปที่ชื่อของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ลูกสาวคนเล็กของ ‘นายใหญ่’ 

 ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า หากเป็น อุ๊งอิ๊ง โอกาสที่จะเข้าวินน่าจะง่ายกว่า เศรษฐา เมื่อดูจากบริบทปัจจุบัน  

ตามทฤษฎีที่ว่า ขั้วอำนาจปัจจุบันต้องการจับ อุ๊งอิ๊ง เป็นตัวประกัน เพื่อไม่ให้ ‘นายใหญ่’ เล่นตุกติกในอนาคต 

แต่ปัญหาคือ ครอบครัวชินวัตรไม่ต้องการให้ทายาทคนใดมารับความเสี่ยงเหมือนกับที่พ่อและอาต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน  

ยิ่งในสภาวะปัจจุบันที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ‘โทนี่’ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเลื่อนกลับประเทศอย่างไม่มีกำหนด นั่นหมายความว่า ดีลยังไม่จบ ยังอยู่ในสถานการณ์ของการต่อรองอยู่ 

แต่ต่อให้ไม่ใช่ทั้ง ‘เสี่ยนิด-เศรษฐา’ แต่ก็จะไม่ใช่ ‘ชัยเกษม นิติสิริ’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอีกเช่นกัน  

หลายฝ่ายให้น้ำหนักไปที่พรรคอันดับ 3 และพรรคอันดับ 4 ซึ่งตามคิวชื่อของ ‘เสี่ยหนู’ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยจะมาก่อน  

แต่ยังไม่ทันจะถึงคิวของ ‘เสี่ยหนู’ ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้เห็นปฏิบัติการ ‘สกัดดาวรุ่ง’ ทันทีทันใด หลังอยู่ๆ มีการปล่อยข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังตรวจสอบ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรค น้องชาย ‘ครูใหญ่’ นายเนวิน ชิดชอบ เรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ในประเด็นเรื่องจริยธรรมออกมา 

ทั้งๆ ที่กระบวนการตรวจสอบคดีนี้ยังไม่ได้ทันเริ่ม ยังไม่มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตกันว่า เป็นการส่งสัญญาณทั้งมัด ทั้งกด ไม่ให้พรรคภูมิใจไทยฝันใหญ่ และฝันที่จะหนีเอาตัวรอด 

ตามเส้นทางหากพรรคภูมิใจไทยโดนสกัดอีก ส้มมันจะมาหล่นที่ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เหมือนที่ ‘ชูวิทย์’ กล้าฟันธงว่า นี่คือนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ 

สอดคล้องกับ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ตัวตึงสภาสูง ออกมาแสดงความเห็นใจนายเศรษฐาที่ถูกชำแหละอย่างหนัก พร้อมเดาว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยไม่ได้มาจากพรรคเพื่อไทย  

เพียงแต่จะมาถึง ‘บิ๊กป้อม’ ได้ มันไม่ง่าย แม้เสียงโหวตนายกรัฐมนตรีจะผ่าน เพราะได้ขุมกำลัง สว.มาเติม แต่จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เว้นเสียแต่ว่ามีการตกลงปลงใจกันแล้วว่าจะเอาแบบนี้ ซึ่งไม่ได้มีแต่ขั้วเก่า 188 เสียง  

เรื่องตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีน่าจะต่อรองกันหนัก กระบวนการสกัดยังเดินเครื่องต่อเนื่อง ในขณะที่พรรคเพื่อไทยยังพยายามจะเข็น ‘เศรษฐา’ อยู่ก็ตาม 

แต่กระนั้นมันก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของพรรคเพื่อไทยผ่าน ‘เสี่ยอ้วน’ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สายตรง ‘นายใหญ่’ ที่ออกมาพูดถึง ‘รัฐบาลพิเศษ’ ในสถานการณ์พิเศษเพื่อฝ่าวิกฤต 

มิหนำซ้ำยังพูดว่า ไม่ได้รังเกียจพรรค 2 ลุง คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติเลย หากจะช่วยโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย 

แต่มีหมายเหตุตัวโตๆ ว่า ไม่ได้การันตีว่าเมื่อโหวตให้แล้วจะได้เป็นรัฐบาลด้วยกัน เพียงแต่ต้องพูดคุยกันเพื่อเป็นบันไดขั้นแรก 

ถอดรหัสออกมาคือ ไม่ได้การันตี แต่ก็ไม่ได้ปิดประตูเช่นกัน 

ทำให้มีการมโนกันไปถึงว่า หากการเจรจาต่อรองจบ มีโอกาสจะได้เห็นรัฐบาลที่รวมกันทุกพรรคเป็นรัฐบาล ยกเว้นพรรคก้าวไกลหรือไม่? 

พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแน่ แต่จะเป็นในสภาพไหน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเอง แต่เหลือกระทรวงสำคัญกับตัวไม่เท่าไหร่ เหมือนกับพรรคพลังประชารัฐคราวก่อน หรือจะหลุดจากมือไปหาคนอื่น แล้วเป็นเพียงผู้ตามและองคาพยพเอง  

เพราะต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทยในเวอร์ชั่นแยกทางเดินกับพรรคก้าวไกลแบบจบไม่สวย กลายเป็นไม่ได้มีแต้มต่ออะไรมากมายเลย นอกจากสิทธิ์ที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอยู่ 

กลายเป็นขั้วเดิมที่มีอิทธิฤทธิ์มากในตอนนี้. 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จตุพร’ ซัดอำนาจเบื้องหลังปรับครม. ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะไปตรวจสุขภาพจิต

‘จตุพร’เย้ยอำนาจเบื้องหลังปรับ ครม.ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะรีบไปตรวจสุขภาพจิต อ้างเขี่ยทิ้งชลน่าน สะท้อนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีมาตรฐานอารมณ์ ส่วน ‘ปานปรีย์’ลาออก รมต.ต่างประเทศ บอกความนัยคนจริง ยึดหลักการ สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

‘เด็กเศรษฐา’ ข้องใจ ‘ปานปรีย์’ ลาออกหลังมีพระบรมโองการ ชี้ไม่เคยมีใครทำ

ตกใจกับการตัดสินใจ ที่เกิดขึ้นหลังมีพระบรมราชโองการฯ ซึ่งไม่เคยมีใครกระทำแบบนี้มาก่อน เพราะมันไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธตำแหน่งเพียงอย่างเดียว

เปิดใจ ‘ปานปรีย์’ ละเอียดยิบ เหตุยื่นหนังสือลาออก ’รมว.ต่างประเทศ’

'ปานปรีย์’ยอมรับขอลาออกจากรมว.กต. เหตุถูกปรับพ้นรองนายกฯ หวั่นไร้ตำแหน่งรองนายกฯพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น เชื่อยังมีคนอื่นเหมาะสมมาทำงานแทนได้ อำลาทีมผู้บริหารกระทรวงฯแล้ว

‘หมอเชิด’ สะกิดเตือน ‘เศรษฐา’ หมอคุมยาก เปลี่ยนตัว ‘รมว.สธ.’ เกิดปัญหาแน่

‘หมอเชิด’ แนะ’เศรษฐา’ฟังเสียงสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนที่ยกมือให้ด้วย พร้อมระบุหมอควบคุมยาก เปลี่ยนตัวรมว.สธ.เกิดปัญหาแน่

ยุ่งแน่! ‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.เห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ต ฝ่าฝืนกม.หรือไม่

จากการติดตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐมนตรีพึ่งมีมติให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 นั้น

ด่วน! ‘ปานปรีย์’ ยื่นไขก๊อก ’รมว.ต่างประเทศ’ หลังหลุดเก้าอี้รองนายกฯ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง