เคาะจบเรียบร้อย ด้วยมติ 9 ต่อ 1 งดออกเสียง 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. มีมติเห็นชอบ “บิ๊กต่อ”- พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 4 ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนที่ 14 ต่อจาก “บิ๊กเด่น”-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่เกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ประธาน ก.ตร. เสนอชื่อให้ที่ประชุมพิจารณาความเห็นชอบ ซึ่งเป็นชื่อเดียวที่มีการถกกันในที่ประชุม ก่อนจะใช้วิธีการลงคะแนนอย่างเปิดเผย
ก.ตร.มีทั้งหมด 16 คน สามารถออกเสียงได้ 12 คน เนื่องจาก “บิ๊กโจ๊ก”-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ลาราชการ “บิ๊กรอย”-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.ติดราชการ ส่วน "บิ๊กต่อ"-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. และ “บิ๊กต่าย”- พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ที่เข้าร่วมประชุม ก.ตร.เป็น 2 ใน 4 แคนดิเดตที่มีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือกเป็น ผบ.ตร.ไม่สามารถออกเสียงได้
จึงเหลือเพียง 12 เสียง ถึงเวลาโหวตคะแนน “บิ๊กต่อ”-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้รับความไว้วางใจ 9 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง คือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ อดีตรอง ผบ.ตร.และอดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี งดออกเสียง 2 เสียงคือ นายกฯ เศรษฐา ประธาน ก.ตร. และ รศ.ประทิต สันติประภพ อดีตรองอธิการบดี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ม.อัสสัมชัญ
ถึงแม้ชื่อของ “บิ๊กต่อ” ได้รับการคาดหมายจะคว้าเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ตั้งแต่ไก่โห่ แต่คลื่นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไม่เคยสงบ ต่างฝ่ายต่างมีแบ็กหนุนหลังสาดโคลนกันไปมา ชิงความได้เปรียบห้ำหั่นกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้บริหารระดับสูงใน ตร.แบ่งฝักแบ่งฝ่ายชัดเจน กลเกมตัดขาคู่แข่งซัดกันจนนาทีสุดท้าย สู้กันทั้งบนดินใต้ดิน หรือ แม้กระทั่งโซเชียล
ขณะที่นายกฯ อยู่ระหว่างนั่งหัวโต๊ะประชุม ปฏิบัติการไอโอข่าวลวงปล่อยรัวๆ ก.ตร.เลื่อนแต่งตั้ง ผบ.ตร.โดยให้ พล.ต.อ.รอย อาวุโสอันดับ 1 นั่งรักษาการ สำนักข่าวใหญ่ เพจข่าวชั้นนำรีบชิงพื้นที่เสนอข่าว แทบจะลบข่าวกันไม่ทัน เมื่อที่ประชุม ก.ตร.เห็นชอบให้ “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร.คนต่อไป
แต่ไม่แปลกที่ข่าวปล่อยข่าวลวง “บิ๊กรอย” ขึ้นรักษาการ เมื่อสังคมกำลังจับตาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 14 ก่อนวันเคาะชื่อเพียงไม่กี่วัน เกิดปรากฏการณ์ช็อกสังคมที่ตำรวจ PCT พร้อมกำลังคอมมานโดและอาวุธครบมือบุกตรวจค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก”-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกตัวเต็งที่จะคว้าเก้าอี้ผู้นำองค์กรสีกากี เนื่องจากตำรวจคนใกล้ชิดถูกออกหมายจับเอี่ยวพนันออนไลน์ จึงถูกมองเป็นเกมเตะตัดขา และในที่ประชุม ก.ตร.บางส่วนเสนอให้เลื่อนการแต่งตั้งไปก่อนเพื่อความเป็นธรรมกับผู้มีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือก แต่มีข่าวลือว่า "ผู้มีอำนาจเหนือรัฐบาล" สั่งการให้จบในวันนี้ จะเลื่อนไม่เลื่อนก็มีอยู่ชื่อเดียว ทุกอย่างจึงจบในที่ประชุม รอเพียงการโปรดเกล้าฯ กระบวนการแต่งตั้งเป็นอันสมบูรณ์
ช่วงเปลี่ยนผ่านผู้นำองค์กร จาก "บิ๊กเด่น" ส่งไม่ต่อ "บิ๊กต่อ" เป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเดินไปทรงไหน เมื่อปัญหาในองค์กรสีกากีหมักหมมมานานสารพัดปัญหา ต้นธารกระบวนการยุติธรรม แต่ความน่าเชื่อถือติดลบ กลับกลายเป็นปัญหาของสังคมที่หยั่งรากฝังลึกยากจะแก้ไข “กินสินบาทคาดสินบน” กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจากรุ่นสู่รุ่น ประชาชนกลายเป็นผู้รับชะตากรรม
โดยเฉพาะการแต่งตั้งนายพลวาระประจำปี 66 ตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก.ที่มีการขยายเวลาออกไปอีก 1 เดือน เนื่องด้วยปัญหาการเมืองทั้งภายในและภายนอกรั้วปทุมวัน ที่เดิมที่ต้องเสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ ด้วย “ผบ.ตร.” คนใหม่ ไม่ได้จบจากโรงเรียนนายร้อย ไม่มีเหล่า ไม่มีรุ่น เข้ารับราชการตำรวจโดยการเข้าหลักสูตรการฝึกอบรมผู้มีวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือ กอต. รุ่นที่ 4
การแต่งตั้งครั้งนี้ “บิ๊กต่อ” ว่าที่ ผบ.ตร.มีอำนาจเต็มในการแต่งตั้ง ปัญหาการซื้อขายตำแหน่ง “ตลาดนัดปทุมวัน” จะยังคงเป็นที่ครหาต่อหรือไม่ ในเมื่อการแต่งตั้งหลายยุคหลายสมัยมีการซื้อขายกันด้วยเม็ดเงินมหาศาล
เชื่อแน่ว่าทันทีที่เข้ารับตำแหน่งเต็มตัวเปิดแฟ้มทำโผ ตั๋วช้าง ตั๋วฝาก ตั๋วนักการเมือง จะกองเต็มโต๊ะ ด้วยหลักธรรมาภิบาล บริหารคน บริหารงาน การแต่งตั้งถูกฝาถูกตัว แต่งตั้งคนให้เหมาะสมกับงาน ประโยชน์จะตกไปอยู่ที่ประชาชน นอกจากนี้นักธุรกิจ นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นสีขาว สีเทา จะต้องวิ่งเข้าหาเพื่อธุรกิจและผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งก็ต้องแลกกับเงินทอง จะเรียกว่า สินบน เงินใต้โต๊ะ หรือจะเรียกว่าอย่างไรก็แล้วแต่ “บิ๊กต่อ” ซึ่งได้ฉายา “มือปราบธรรมะ” จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือขององค์กรอยู่ที่ผู้นำ
ยิ่งการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรตำรวจทางหลวง 2 ที่ถูกกระหน่ำยิงร่างพรุนคางานเลี้ยงบ้าน กำนันนก ท่ามกลางตำรวจเกือบ 30 คน ยิ่งสะท้อนปัญหาขององค์กรตำรวจ ไม่หลงเหลืออุดมการณ์ของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ยอมสยบก้มหัวให้ผู้มีอิทธิพลพาคนร้ายหลบหนี เหตุปมสังหารเพราะ “สารวัตรแบงค์” ไม่ยอมรับส่วยรถบรรทุก “กลับตาลปัตร” จากเดิมคนร้ายเลี่ยงเจอตำรวจ แต่นี่โจรไม่พอใจตำรวจขวางผลประโยชน์เลยเรียกไปยิงทิ้ง จนกลายเป็นวาระเร่งด่วนของรัฐบาลปราบปรามมาเฟียผู้มีอิทธิพล
ในขณะที่ภายในองค์กรตำรวจก็มีความขัดแย้ง “เก้าอี้ ผบ.ตร.” ชนวนเหตุปัญหา “บิ๊กโจ๊ก” ประกาศเอาคืนตำรวจ PCT, ตำรวจไซเบอร์ ที่นำกำลังตรวจค้นบ้านหวังผลประโยชน์ทางการเมืองภายใน ตร. ประกาศดังๆ ให้เตรียมรับมือตั้งทีมทนายเอาผิดทั้งคณะ ส่งสารขู่ไปยังผู้สั่งการว่ามีข้อมูลในมือจำนวนมาก เปิดออกมารับรองตายยกกะบิ
แล้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีผู้นำอย่าง “บิ๊กต่อ”-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ จะเดินไปอย่างไร เมื่อขยะใต้พรมซุกอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ระยะเวลาเพียง 1 ปี จะหวังพึ่งอะไรได้ ยิ่งการปฏิรูปไม่ต้องพูดถึง ขนาด รัฐบาล “บิ๊กตู่”-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังมีการทำรัฐประหาร “ปฏิรูปตำรวจ” คือหนึ่งในนโยบาย มีมาตรา 44 ในมือยังทำอะไรไม่ได้ มีเพียงการตั้งคณะการละครประวิงเวลา สุดท้ายงบประมาณสูญเปล่า ยิ่ง นายกฯ เศรษฐา ให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่สังคายนาตำรวจ เป็นองค์กรมีเกียรติ มีปัญหาตรงไหนก็ต้องแก้กันไป” แล้วปัญหาเชิงโครงสร้างที่เป็นต้นตอของปัญหา เมื่อไหร่จะได้รับการแก้ไข ต้นทุนตำรวจเป็นศูนย์ ประชาชนขาดความเชื่อมั่น นับแต่นี้ “บิ๊กต่อ”-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ มีเวลาไม่มากนักที่จะสะสางปัญหาต่างๆ ทั้งภายในองค์กร ความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชา ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ถือว่าเป็นโจทย์ที่หนักหนาเอาการ ให้ ผบ.ตร.คนใหม่เรียกเกียรติและศรัทธากลับคืนสู่ “ตำรวจไทย”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขู่เช็กบิลเซเลบ-หวานใจบิ๊กเนม เกมสางแค้น เอาคืน ยังไม่จบ!
หลังมีข่าวมาร่วมเดือนว่า สปก.-ตำรวจ รวมถึง ปปง.จะมีการดำเนินคดี เซเลบคนดัง-หวานใจบิ๊กการเมือง แต่ที่ผ่านมาก็เป็นแค่กระแสข่าวที่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าออกมา จนถูกมองว่าเหมือนกับการออกข่าวเพื่อขู่ทางการเมืองว่าจะมีการ ทุบกล่องดวงใจ บิ๊กเนมการเมือง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ม็อบการเมืองจุดติด-ไม่ติด อยู่ที่พฤติกรรม การกระทำ ผู้นำประเทศ-พรรคร่วมรัฐบาล
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อศุกร์ที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา สุดท้ายแล้วก็ยังไม่มีการตั้ง คณะกรรมการร่วมด้านเทคนิค (JTC) ไทย-กัมพูชา
คดีฉ้อโกงพุ่งรายวัน จนท.รัฐอืด! เปิดหลุมเหลือบเรียกรับผลประโยชน์
หนึ่งในนโยบายเร่งด่วนรัฐบาลคือ “เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์รับมือกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ปักหมุด‘ครม.สัญจร’เชียงใหม่ กู้ศก.-ฟื้นท่องเที่ยวหลังภัยพิบัติ
ประเดิมนัดแรก “ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่” หรือ “ครม.สัญจร” ของรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดตระกูลชินวัตร
ตั้งแท่นงบฯเรือฟริเกตทร. จับตาเกมเตะถ่วง"เรือดำน้ำ"
แม้กระแสข่าวเล็กๆ ที่สร้างความชุ่มชื่นหัวใจให้กับกองทัพเรือ (ทร.) ว่ารัฐบาลอาจจะไฟเขียวเดินหน้า “เรือดำน้ำจีน” ต่อไป หลังจาก “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม
ติดสลักกม.ประชามติ รธน.ใหม่ส่อลากยาว
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ที่จะใช้สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรียบร้อย โดยให้ยึดเสียงข้างมาก 2 ชั้น กล่าวคือ 1.ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด และ 2.ต้องได้เสียงเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้สิทธิ์