เจตนา-เบื้องหลัง "ก้าวไกล" จุดสลบ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม 3 ส.ส.-2 ผู้นำพรรค ได้พ้นผิด!

หลังตั้งท่ามานาน ในที่สุด พรรคก้าวไกล ก็ยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดอันเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ต่อประธานสภาฯ เมื่อ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา  

พรรคก้าวไกล ให้เหตุผลในการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไว้ว่า เพื่อทำให้สังคมไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติสุข เกิดความสุข ความสามัคคี จึงควรนิรโทษกรรมประชาชนที่ถูกดำเนินคดี หรือมีส่วนร่วมทางการเมืองทุกฝ่าย เพื่อยุติการใช้นิติสงครามกับประชาชนที่แสดงออกทางการเมือง โดยพรรคเชื่อว่า การเสนอนิรโทษกรรมจะเป็นการถอนฟืนออกจากกองไฟเพื่อยุตินิติสงคราม ที่จะเป็นการสร้างความปรองดองที่ยั่งยืน

สำหรับสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือให้นิรโทษกรรมกับการกระทำใดๆ ของบุคคลผู้เข้าร่วมเดินขบวน และชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพ หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความผิดตามกฎหมายในช่วงตั้งแต่ 11 ก.พ.49 ที่เป็นวันแรกของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หรือเสื้อเหลือง โดยการนำของสนธิ ลิ้มทองกุล จนถึงวันที่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมีผลบังคับใช้ 

ซึ่งวิธีการว่าจะให้นิรโทษกรรมกับบุคคลใดบ้าง และรูปแบบจะเป็นอย่างไร ในร่างเขียนไว้ให้เป็นอำนาจของ “คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม” จำนวน 9 คน โดยพรรคก้าวไกลดีไซน์ให้มีที่มาจากหลากหลาย เช่น ประธานสภาฯ-ผู้นำฝ่ายค้าน-บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี-บุคคลที่ สส.ด้วยกันเองเลือก 2 คน-ผู้พิพากษาหรืออดีตผู้พิพากษา ในศาลยุติธรรม 1 คน ซึ่งมาจากการเสนอในที่ประชุมใหญ่ของประธานศาลฎีกา รวมถึงยังให้มีตุลาการศาลปกครอง หรืออดีตตุลาการในศาลปกครองอีก 1 คน และจากอัยการหรืออดีตพนักงานอัยการอีก 1 คน

 โดยในร่างดังกล่าวระบุว่า การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งมีการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113

แน่นอนว่า เรื่องการนิรโทษกรรมให้กับผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  เป็นเรื่องที่หลายภาคส่วนในสังคมเรียกร้องมานานแล้ว เพราะมองว่าจะเป็นกลไกหนึ่งในการนำไปสู่การสร้างความปรองดองในระยะยาวได้

 เพียงแต่ยังมีความเห็นแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด เช่น บางฝ่ายเห็นว่าต้องไม่ครอบคลุมถึงการทำผิดในคดีอาญาร้ายแรง เช่น เผาสถานที่ราชการ-ปิดล้อมหน่วยเลือกตั้ง แต่บางฝ่ายเห็นว่า ควรให้ครอบคลุมถึงด้วย เพราะถือว่ามีเหตุจูงใจทางการเมืองให้กระทำการดังกล่าว แต่รายละเอียดเรื่องพวกนี้ หากจะนิรโทษกรรมกันจริงๆ ก็คุยกันได้ไม่ยากเพื่อหาจุดที่ลงตัว 

เพราะขนาด สว.หลายคนที่แนวทางชัดเจนว่าไม่เอาเพื่อไทย-ทักษิณ-เสื้อแดง หลายคนก็เคยแสดงความเห็นให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมมาแล้ว เช่น สมชาย แสวงการ วันชัย สอนศิริ พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม   

อย่างไรก็ตาม จุดสลบที่เป็นจุดอ่อนของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ก็คือ การที่ให้ครอบคลุมถึง การแสดงออก การเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 112 ได้รับผลพวงจากการนิรโทษกรรม โดยแกนนำก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ โดยอ้างว่าให้เป็นการวินิจฉัยของกรรมการ แต่ก็ยกเหตุสมัย 6 ตุลาคม 2519 ขึ้นมาหนุนให้นิรโทษ 112 ด้วย

ที่ต้องไม่ลืมว่า เรื่อง 112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อนของสังคมการเมืองไทย และเรื่องนี้ทำให้ก้าวไกล และพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ วืดจากการเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลและได้เป็นนายกฯ มาแล้ว

ประเมินไว้ว่า มันจึงทำให้ยากที่พรรคก้าวไกลจะได้เสียงสนับสนุนจากฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลที่คุมเสียงข้างมากในสภาฯ 312 เสียง และสมาชิกวุฒิสภา ทำให้ มีโอกาสที่จะโดนโหวตคว่ำตั้งแต่วาระแรก ไม่ต้องไปลุ้นในชั้นวุฒิสภา หากจะให้ครอบคลุมถึงคดี 112 ด้วย

เพราะลำพังแค่พรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเองอย่าง ประชาธิปัตย์-ไทยสร้างไทย ก็ไม่ร่วมสังฆกรรม มาเปลืองตัวด้วย ยกเว้นแต่ก้าวไกลต้องยอมแก้ไข ไม่ให้ครอบคลุมถึงความผิด 112

แต่หากก้าวไกลทำเช่นนั้น จะทำให้พรรคเสียคะแนนทางการเมืองในกลุ่มฐานเสียงตัวเอง หากยอมถอยในเรื่องนี้หลังยื่นร่างไปแล้ว

ยิ่งการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมครั้งนี้ของก้าวไกลถูกมองว่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของก้าวไกล เพื่อหวังคะแนนเสียง ก็ยิ่งทำให้ยากจะฝ่าแรงต้านไปได้ เพราะถึงตอนนี้คดีความต่างๆ ของแกนนำเสื้อเหลือง-เสื้อแดง-กปปส.หลายคดี ก็ถึงที่สุดจนแนวร่วม แกนนำบางคนติดคุกออกมาแล้ว เว้นแต่บางกลุ่มที่คดียังไม่ถึงที่สุด และอาจได้อานิสงส์ตามไปด้วย เช่น กลุ่มแกนนำ กปปส. ที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่รูปคดีหนักหนาสาหัส แกนนำเสี่ยงติดคุกกันหลายปี และคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แต่ร่างของก้าวไกลหลายคนเห็นชัดว่า จะทำให้แนวร่วมม็อบสามนิ้วและคนที่ทำผิดมาตรา 112 ที่เป็นฐานเสียงของก้าวไกล ที่ส่วนใหญ่คดียังไม่ถึงที่สุด จะได้อานิสงส์พ้นผิดมากกว่า

แล้วยิ่งเห็นชัด คนของพรรคก้าวไกลเองก็จะได้ประโยชน์หากมีการนิรโทษกรรม มันก็ยิ่งทำให้เสียงคัดค้าน แรงต้านอาจมีมาก

เพราะขณะนี้ก็มี 3 สส.พรรคก้าวไกล ที่โดนคดี 112 จะได้อานิสงส์ไปเต็มๆ ถ้ามีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมตามร่างที่ก้าวไกลยื่นไป เพราะคดีที่แต่ละคนโดน ทำให้เสี่ยงจะหลุดจากเก้าอี้ สส.ทันที หากโดนศาลตัดสินว่าผิดแล้วไม่ได้รับการประกันตัวในวันเดียวกัน จนถูกส่งไปเรือนจำ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเคยตัดสินเป็นบรรทัดฐานไว้แล้วตอนคดีแกนนำ กปปส.โดนตัดสินจำคุกแล้วไม่ได้รับการประกันตัว

ซึ่ง 3 สส.ก้าวไกลดังกล่าว ประกอบด้วย “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ตัวตึงคนดังในโลกโซเชียลมีเดีย ที่เป็นจำเลยคดี 112 ที่ศาลอาญา และศาลนัดอ่านคำพิพากษา 14 ธันวาคมนี้ หลังเลื่อนการอ่านมาจากวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา เพราะอยู่ในช่วงสมัยประชุมสภาฯ

คนที่ 2 ลูกเกด-ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี อดีตแกนนำแนวร่วมม็อบสามนิ้ว ที่ตกเป็นจำเลยที่ศาลอาญาเช่นกัน แต่คดีอยู่ระหว่างการสืบพยาน

และคนที่ 3 โตโต้-ปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. อดีตหัวหน้าการ์ดม็อบสามนิ้ว ที่ถูกดำเนินคดี 112 อย่างน้อย 3 คดี

อีกทั้งแกนนำพรรคก้าวไกล ที่เป็นคนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่คือก้าวไกลเวลานี้ ที่เรียกกันว่า 2 ผู้นำจิตวิญญาณก้าวไกล คือ ปิยบุตร แสงกนกกุล และธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีชนักติดหลังคดี 112 เช่นกัน

ในส่วนของ ปิยบุตร โดนเรื่องโพสต์เฟซบุ๊กปี 2565 ในเรื่องปฏิรูปสถาบัน ซึ่งคดีอยู่ในชั้นอัยการ แต่คดีเลื่อนนัดฟังคำสั่งมาหลายรอบ ล่าสุดนัดอีกที 24 ตุลาคมนี้ว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้อง หรือจะเลื่อนออกไปอีก

ส่วน ธนาธร ปัจจุบันเป็นจำเลยคดี 112 ที่ศาลอาญา ในคดีไลฟ์สดวัคซีนพระราชทาน ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบพยาน ที่ข่าวว่าซักพยานกันเข้มข้นมากในห้องพิจารณาคดี

อีกทั้งในตัวร่างของก้าวไกลก็ยังกำหนดให้ ผู้นำฝ่ายค้าน เป็นกรรมการพิจารณาด้วย ซึ่งก็คือ ชัยธวัช-หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในเวลานี้ ก็ยิ่งกลายเป็นจุดอ่อนว่าผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าไปอีกหนึ่งดอก 

กระนั้นในทางการเมือง การที่ก้าวไกลเสนอร่างดังกล่าวเข้าสภาฯ มองว่า จุดหนึ่งก็เพื่อแสดงออกว่า ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ตอนเลือกตั้ง เพื่อซื้อใจมวลชนฝ่ายตัวเองว่าได้ทำแล้ว โดยลึกๆ คนในก้าวไกลก็รู้ดีว่า ยากจะได้เสียงสนับสนุนในสภาฯ จนฝ่าแรงต้านไปได้ หากพรรคก้าวไกลไม่ยอมถอยเรื่องให้นิรโทษกรรม คดี 112.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“อุ๊งอิ๊ง”เล่นใหญ่เกินเบอร์ ไล่ทุบ"แบงก์ชาติ"กระแสตีกลับ สงครามเย็น พท.-ธปท.จบยาก

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี-รมว.พาณิชย์ แกนนำรัฐบาลเพื่อไทย ออกมาดาหน้าปกป้อง อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร-หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการใหญ่ หลังโดนวิจารณ์-ถล่มเละ กรณี อุ๊งอิ๊ง เล่นใหญ่เกินเบอร์ ใช้เวทีอีเวนต์การเมืองของพรรคเมื่อ 3 พ.ค. อ่านโพยตามสคริปต์ที่คนเขียนมาให้ ด้วยการ อัดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า

เศรษฐา1/1เร่งเครื่อง ปม'พิชิต'ทำติดหล่ม หวังศาลรธน.เคลียร์จบ

ครม.เศรษฐา 1/1 หลังจากนี้ก็สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำ รมต.ที่ได้รับการแต่งตั้ง ที่มีทั้งรัฐมนตรีหน้าใหม่

พิสูจน์ฝีมือ ‘ครม.เศรษฐา2’ ปรับทัพใหม่ รอดหรือร่วง?

หลังปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียบร้อย โดยมีรัฐมนตรีเข้าใหม่ 7 คน และออก 4 คน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ กว่าจะได้คนที่ถูกฝาถูกตัว ก็ต้องมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจเป็นธรรมดา

'ก้าวไกล' ไม่กังวลถูกยุบพรรค 'ชัยธวัช' บอกคุยลูกพรรคหลายรอบแล้ว

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้พรรคก้าวไกลแก้ข้อกล่าวหาในคดีล้มล้างการปกครอง ว่า คดีนี้มีความร้ายแรงมากกว่าคดีก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ

คณะสอบวินัย"บิ๊กโจ๊ก"ส่อเค้าวุ่นไม่จบ “สราวุฒิ”จ่อเกษียณโยนเผือกร้อนสีกากี

สู้กันทุกกระบวนท่าเต็มสรรพกำลังอภิมหาศึก “สีกากี” สำนักงานตำรวจแห่งชาติ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนพัวพันคดีเว็บพนันออนไลน์ ระบุว่า “การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย”