กังขา'ก้าวไกล'ไร้น้ำยา หวังน้ำบ่อหน้าหรือถูกต้ม?

เกิดคำถามจากสังคมทันที หลังนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ออกมาระบุว่าอาจไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 รวมถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ในการตรวจสอบรัฐบาลว่ามีวาระทางการเมือง และหวังน้ำบ่อหน้ากับพรรคเพื่อไทย หรือไร้น้ำยากันแน่ ฯลฯ  

ก่อนหน้าก็ถูกมองว่าใส่เกียร์ว่างปมตรวจสอบ "นายทักษิณ ชินวัตร" นักโทษเทวดา ที่ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว ที่ถูกมองว่าทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทย ไม่นับประเด็นอื่นๆ ที่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ เช่น คุณธรรม จริยธรรม และภาวะผู้นำในการบริหารประเทศ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลที่ใช้ในการหาเสียง แต่วันนี้ยังไม่สามารถทำได้ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงิน 1 หมื่นบาท

ทว่า "พรรคก้าวไกล" กลับมองข้าม โดยประธานวิปฝ่ายค้านอ้างว่า "รัฐบาลพึ่งเข้ามา ยังไม่ได้ใช้งบประมาณ" ล้วนเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นทั้งปวง 

จึงเป็นเหตุให้นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องออกมาแก้เกี้ยวแบบกลับลำ 360 องศา ว่าน่าจะพร้อมอภิปรายรัฐบาล อย่างน้อยก็อภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ได้ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงหลังวุฒิสภา (สว.) อภิปราย ซึ่งจะเป็นสัปดาห์แรกของเดือน เม.ย. ก่อนปิดสมัยประชุมสภา

เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ถูกตั้งคำถาม เพราะที่ผ่านมาพยายามเลี่ยงตรวจสอบ "ทักษิณ" หรือจัดการแสดงแบบมวยล้มต้มคนดู และยังไม่สามารถสลัดภาพที่มองว่าเป็น "อะไหล่" รอเสียบเป็นฝ่ายรัฐบาลได้  

ความน่ากังขาของพรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคก้าวไกล ถูกขยายภาพให้เด่นชัดผ่านการตั้งคำถาม เป็นเพราะมีการดีลระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนายห้างพรรคก้าวไกล บินไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 24 ก.ค.66 ทำให้พรรคไม่กล้าซักฟอกนายทักษิณหรือไม่  

หากย้อนไปฟังการให้สัมภาษณ์ของ "นายธนาธร" เมื่อวันที่ 20 พ.ย.66 หลังยอมรับว่าเคยพบ “ทักษิณ” ที่เกาะฮ่องกง ช่วงจัดตั้งรัฐบาล ยิ่งเด่นชัด เมื่อยอมรับว่า “พรรคเพื่อไทยคือมิตร” และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต้องมี 2 พรรคนี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือคุณทั้งสอง 

เพราะเหตุนี้หรือไม่ ผู้มีอำนาจของประเทศจึงต้องล่ามโซ่ด้วยการโยนคดีมาตรา 112 ให้แก่นายทักษิณ หลังไปให้สัมภาษณ์กระทบต่อสถาบันเบื้องสูงที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในปี 2558 ที่อัยการสูงสุดนัดไปรับฟังคำสั่งในวันที่ 10 เม.ย.นี้ ว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่   

นอกจากนี้ยังต้องจับตาอีกคดีสำคัญในวันที่ 4 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น. “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” ตัดสินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับพวก ในคดีจัดจ้างโครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 เพื่อเอื้อประโยชน์โดยมิชอบ หรือไม่ 

หากสุดท้ายทั้งสองคดีสำคัญของอดีตสองนายกฯ มีความผิด ก็เท่ากับว่าผู้มีอำนาจยังไม่ไว้วางใจระบอบทักษิณ และต้องกำกับไว้ด้วยคดีความ ป้องกันแดงผสมพันธุ์กับส้ม 

แต่สมมุติว่าผลออกมาเป็นคุณ เท่ากับเปิดไฟเขียวให้ “คนตระกูลชินวัตร” เป็นตัวแทนฝ่ายอนุรักษนิยมใหม่ จัดการพรรคก้าวไกลมิให้มีอำนาจทางการเมือง และ "หยุดขบวนการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย" ระบอบการปกครองของไทย ที่ยึดรูปแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'เจ๊เจี๊ยบ' ฟาด 'เพื่อไทย' น่ารังเกียจ ไม่แก้รธน. ไม่นิรโทษกรรม ไม่ปฎิรูปศาล ไม่กล้าแตะกองทัพ

นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ไม่แก้รธน. ไม่นิรโทษกรรม ไม่ปฎิรูปศาลไม่กล้าแตะกองทัพ ความน่ารังเกียจครั้งที่นับไม่ถ้วนของ #เพื่อไทย

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน