'ทักษิณ'กระชับอำนาจ-'ยิ่งลักษณ์'จ่อกลับไทย ตอกย้ำ'สองมาตรฐาน'เขย่านายกฯหุ่นเชิด

 

แกนนำพรรคเพื่อไทยแสดงความดีอกดีใจอย่างออกหน้า ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยกฟ้อง-ถอนหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวก

ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีจัดจ้างโครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตประเทศไทย วงเงิน 240 ล้านบาท

แม้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์จะสามารถใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีภายใน 30 วัน แต่ที่ผ่านมาทุกคดีที่เกิดขึ้นจากการตัดสินคดีของศาลฎีกา พบว่า ผลการวินิจฉัยอุทธรณ์โดยองค์คณะของศาลฎีกาไม่เคยพลิกคำพิพากษาแม้แต่คดีเดียว

แต่หาก ป.ป.ช.ไม่ยื่นอุทธรณ์คดี ก็ถือว่าคดีสิ้นสุด หรือยื่นอุทธรณ์ แต่ไม่พลิกคำพิพากษา เท่ากับชนักติดหลังของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ตกเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาหมดไปอีกคดี

ก่อนหน้านี้เมื่อ 26 ธ.ค.2566 ศาลฎีกาเพิ่งยกฟ้องกรณีอัยการสูงสุดยื่นฟ้องปมโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชนะ 2 คดีติดในเวลาไล่เลี่ยกัน จึงมีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นการกรุยทางให้ได้กลับบ้านตาม โมเดลทักษิณ  

อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังเหลือคดีจำนำข้าว ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 5 ปี จนทำให้ต้องหนีคดีอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ที่ยังเป็นชนักติดหลังอยู่

ทั้งนี้เชื่อว่า ยิ่งลักษณ์ คงไม่ยอมกลับมาแล้วติดคุกตามคำพิพากษา มีทางเดียวก็ต้องใช้โมเดลเดียวกับ พี่ชาย-นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หนีคดีทุจริต 8 ปี กลับมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี 

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามี ดีลลับ ระหว่าง ทักษิณ กับ ชนชั้นนำไทย เพื่อทำให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สกัดการเติบโตของ พรรคก้าวไกล ที่มีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ทักษิณ จึงได้กลับบ้านแบบเท่ๆ และไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว โดยมี ขบวนการสมคบคิด ใช้อำนาจรัฐอำนวยความสะดวกตั้งแต่วันแรกที่เหยียบแผ่นดินไทย จนกระทั่งได้กลับไปอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า

ด้วยการใช้เงื่อนไขผู้สูงอายุ อ้างว่าป่วยหนักขั้นวิกฤต ต้องไปพักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งถูกมองเป็นการกระทำที่เลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน ทำลายหลักนิติรัฐ-นิติธรรม กลายเป็น นักโทษเทวดา ที่อยู่หนือกฎหมาย ใช้อภิสิทธิ์เหนือนักโทษทั่วไป

ทำให้ประชาชนผู้รักความยุติธรรมรับไม่ได้ เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือและต้นทุนของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่เคยถูกกล่าวหาว่า ตระบัดสัตย์ เสื่อมถอยลงไปอีก

เป็น ราคาที่ต้องจ่ายทางการเมือง ของรัฐบาล แลกกับ นายใหญ่ ของพรรคเพื่อไทยได้กลับบ้านเท่ๆ 

แม้ ยิ่งลักษณ์ อายุไม่ถึง 70 ปี เหมือนทักษิณ ที่เข้าเกณฑ์ผู้สูงอายุ แต่เชื่อว่าคงสามารถหาช่องทำได้ตามกระบวนการ โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม บอกว่า "การขออภัยโทษรายบุคคลสามารถดำเนินการโดยตรงได้เลย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะต้องมีการส่งเรื่องมาที่กระทรวงยุติธรรม"

และเชื่อว่าต้องดำเนินการตาม ดีลลับ อีก โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถยื่นเรื่องผ่านกระทรวงยุติธรรม ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลแบบทักษิณ ซึ่งก็เป็น พระราชวินิจฉัย             

แกนนำพรรคเพื่อไทยจะอ้างเสมอว่า ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการรัฐประหาร จึงต้องคืนความยุติธรรมให้กับอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ 

แต่กลับไม่รับผิดชอบโครงการจำนำข้าวที่มีการทุจริตสร้างความเสียหาย 7-8 แสนล้านบาท ทำให้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับ นายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ กับพวก ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด กระทั่งศาลฎีกาสั่งจำคุก 42 ปี และ 36 ปี นอนอยู่ในเรือนจำจนถึงบัดนี้

การคืนความยุติธรรมแบบ ทักษิณโมเดล ดังกล่าว แม้แต่ พรรคก้าวไกล ก็ยังรับไม่ได้ ทั้งที่ก้าวไกลก็มองว่ายิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการรัฐประหาร นำไปสู่การเอาผิดในคดีจำนำข้าว       

ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยออกแถลงกาณ์ว่า แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน

โดยเฉพาะการเรียกร้องให้นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน กมธ.เพื่อศึกษาหลักเกณฑ์และแนวทางการนิรโทษกรรมให้ได้ข้อยุติ ก่อนเสนอเป็นร่างกฎหมายต่อสภา

คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 มองว่าเป็นการเตะถ่วงเวลา จึงเรียกร้องให้ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมคดีทางการเมือง ตามแนวทางของคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ได้มีการศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรมไว้อย่างรอบคอบ ครอบคลุมทุกมิติและตกผลึกแล้ว 

และยังเรียกร้อง ทักษิณมีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ช่วยทำให้บ้านเมืองเกิดสันติสุข โดยร่วมผลักดันการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองให้กับประชาชนทุกกลุ่มเช่นกัน อย่าเอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง แล้วทิ้งประชาชนที่เคยช่วยเรียกร้องต่อสู้ให้กับตัวเอง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธาน นปช.-คนเสื้อเดง ซึ่งโดนทั้งคดีอาญา-แพ่ง วิจารณ์ กมธ.ชุดดังกล่าวว่าเป็นการศึกษาแล้วศึกษาอีก แสดงถึงความโง่ดักดานที่สุด และเสนอให้ใช้แนวนโยบาย 66/23 โดยออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ไม่ต้องหารือกันอีกแล้ว

ขณะที่่แกนนำทุกเสื้อสีถูกดำเนินคดีรับโทษจำคุกกันทั่วหน้า บางรายโดนคดีแพ่ง ศาลล้มละลายพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไปแล้ว แต่ ทักษิณ ซึ่งโดน คดีทุจริต กลับไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว และได้รับการพักโทษแล้ว

ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ที่มีกำหนดการเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 14-16 มี.ค.นี้ ด้วยเครื่องบินส่วนตัว ทั้งที่เป็นผู้ป่วยวิกฤต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กรมคุมประพฤติก็ไฟเขียวให้เดินทางออกนอกบ้านพักได้

ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการเดินทางกลับบ้านเกิดของนายทักษิณ หลังจากต้องหนีคดีไปต่างประเทศ โดยมีรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง จะเดินทางไปถึง จ.เชียงใหม่ ช่วงเย็นวันที่ 15 มี.ค. จึงมีการคาดการณ์ว่าทั้ง 2 คนอาจได้พบกัน  

แม้จะบอกว่าไปทำบุญและเคารพสถูปบรรจุอัฐิบรรพบุรุษ แต่การขยับตัวของ ทักษิณ ครั้งนี้ย่อมมีนัยทางการเมือง เพราะเชียงใหม่เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้ง สส.ครั้งล่าสุด เพื่อไทยสูญเสียที่นั่งให้พรรคก้าวไกล 7 เขต เพื่อไทยได้เพียง 2 เขต และจะมีการเลือกตั้งนายกฯ อบจ.ต้นปี 2558 พท.-ก.ก.สู้กันเดือดแน่

ขณะที่ นายเศรษฐา มีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการใน จ.เชียงใหม่ และติดตามปัญหาฝุ่น PM 2.5 จนถึงวันที่ 17 มี.ค. จากนั้นวันที่ 18 มี.ค. จะเดินทางไป จ.พะเยา เพื่อร่วมประชุม ครม.สัญจร

อย่างไรก็ตาม เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่ารัฐบาลชุดนี้มี นายกรัฐมนตรี 2 คน คือ นายเศรษฐา และ นายทักษิณ ซึ่งในทางพฤตินัย ทักษิณก็คือเจ้าของพรรคเพื่อไทย นักการเมืองพรรคเพื่อไทยก็รับคำสั่งจากทักษิณโดยตรง

ส่วนการบริหาราชการแผ่นดินของรัฐบาล บรรดารัฐมนตรี และ สส. ก็ฟังทักษิณมากกว่าเศรษฐา การตัดสินใจในเรื่องสำคัญๆ ก็ต้องถามก่อนว่า ท่านทักษิณว่าอย่างไร?

นายเศรษฐาจึงเสมือน นายกฯ หุ่นเชิด เท่านั้น

โดยเฉพาะการบริหารประเทศจะครบ 6 เดือน หลายฝ่ายประเมินว่ายังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่เดินสายต่างประเทศ ราคายาพาราที่พุ่งขึ้นก็เป็นไปตามกลไกการตลาด ตามหลักดีมานด์ ซัพพลาย ไม่เกี่ยวกับฝีมือรัฐบาล

ท่ามกลางกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ ตาม ดีลลับ ก่อนพาทักษิณกลับบ้าน

จึงต้องจับตาว่าหลังจากนี้ ทักษิณ ต้องลงมาขับเคลื่อนงานทางการเมืองด้วยตัวเองอย่างชัดเจนขึ้น อาการ (ที่อ้างว่า) ป่วยหนักก็จะหายดีขึ้น และเดินสายพบมวลชน คนเสื้อแดง-ฐานเสียงเพื่อไทย และกลุ่มการเมืองต่างๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

เพื่อ กระชับอำนาจ เรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา และสร้างอำนาจต่อรองกับ ชนชั้นนำ

ในทางกลับกันหาก ยิ่งลักษณ์ กลับบ้านด้วย โมเดลทักษิณ อีก ก็ยิ่งตอกย้ำ ระบอบทักษิณ ที่อยู่เหนือกฎหมาย สองมาตรฐาน ท้าทายกระบวนการยุติธรรม สร้างความคับแค้นให้ประชาชนมากกว่าเดิม

เป็นการสร้าง เงื่อนไขความขัดแย้งใหม่ ทำให้ประชาชนที่รับไม่ได้ และกลุ่มตรงข้าม ระบอบทักษิณ เคลื่อนไหวเข้มข้นมากขึ้นเช่นกัน

กลายเป็นการ จุดไฟการเมือง ลุกลาม เขย่าเก้าอี้ นายกฯ หุ่นเชิด ให้สั่นคลอนในที่สุด!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘จตุพร’ ซัดอำนาจเบื้องหลังปรับครม. ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะไปตรวจสุขภาพจิต

‘จตุพร’เย้ยอำนาจเบื้องหลังปรับ ครม.ยังมีจิตปกติหรือไม่ แนะรีบไปตรวจสุขภาพจิต อ้างเขี่ยทิ้งชลน่าน สะท้อนเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีมาตรฐานอารมณ์ ส่วน ‘ปานปรีย์’ลาออก รมต.ต่างประเทศ บอกความนัยคนจริง ยึดหลักการ สั่งซ้ายหันขวาหันไม่ได้

‘เด็กเศรษฐา’ ข้องใจ ‘ปานปรีย์’ ลาออกหลังมีพระบรมโองการ ชี้ไม่เคยมีใครทำ

ตกใจกับการตัดสินใจ ที่เกิดขึ้นหลังมีพระบรมราชโองการฯ ซึ่งไม่เคยมีใครกระทำแบบนี้มาก่อน เพราะมันไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธตำแหน่งเพียงอย่างเดียว

เปิดใจ ‘ปานปรีย์’ ละเอียดยิบ เหตุยื่นหนังสือลาออก ’รมว.ต่างประเทศ’

'ปานปรีย์’ยอมรับขอลาออกจากรมว.กต. เหตุถูกปรับพ้นรองนายกฯ หวั่นไร้ตำแหน่งรองนายกฯพ่วงอาจทำงานไม่ราบรื่น เชื่อยังมีคนอื่นเหมาะสมมาทำงานแทนได้ อำลาทีมผู้บริหารกระทรวงฯแล้ว

‘หมอเชิด’ สะกิดเตือน ‘เศรษฐา’ หมอคุมยาก เปลี่ยนตัว ‘รมว.สธ.’ เกิดปัญหาแน่

‘หมอเชิด’ แนะ’เศรษฐา’ฟังเสียงสมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะคนที่ยกมือให้ด้วย พร้อมระบุหมอควบคุมยาก เปลี่ยนตัวรมว.สธ.เกิดปัญหาแน่

ยุ่งแน่! ‘เรืองไกร’ ร้อง ป.ป.ช. สอบ ครม.เห็นชอบดิจิทัลวอลเล็ต ฝ่าฝืนกม.หรือไม่

จากการติดตามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่คณะรัฐมนตรีพึ่งมีมติให้ความเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 นั้น

ด่วน! ‘ปานปรีย์’ ยื่นไขก๊อก ’รมว.ต่างประเทศ’ หลังหลุดเก้าอี้รองนายกฯ

นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง