กินข้าวค้างสต๊อกกลบจำนำข้าว แผนปูทาง"ยิ่งลักษณ์"กลับไทย?

หลัง ทักษิณ ชินวัตร-หัวหน้ารัฐบาลเพื่อไทยตัวจริง ได้ออกมาระบุเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ระหว่างการกลับไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่จังหวัดเชียงใหม่ บ้านเกิดของตระกูล “ชินวัตร” ว่า สงกรานต์ปีหน้า ยิ่งลักษณ์คงได้มีโอกาสกลับมาทำบุญและเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่ และไม่แน่ อาจกลับภายในปีนี้ 

ท่าทีดังกล่าวของทักษิณทำให้หลายฝ่ายเริ่มจับตามองว่า หรือคนไทยจะได้เห็น

“น้องจะกลับบ้านตามพี่ชาย”

หลังทักษิณกลับมารับโทษแต่สุดท้ายไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว จนตอนนี้เล่นบทบาทหัวหน้ารัฐบาลอย่างสนุกสนาน

ยิ่งการที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล ที่ก็สามารถใช้กลไกอำนาจรัฐช่วยเหลือ-เอื้อประโยชน์ให้ยิ่งลักษณ์ได้

และที่สำคัญ คดีความของยิ่งลักษณ์ในชั้นศาลฎีกาที่เคยเป็นชนักติดหลังก็ปลดล็อกหมดแล้ว

หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้องยิ่งลักษณ์ติดๆ กันสองคดี คือ คดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากเก้าอี้เลขาธิการ สมช.ซึ่งเป็นคดีที่อัยการยื่นฟ้อง และคดีจัดอีเวนต์โรดโชว์สร้างอนาคตประเทศไทย งบ 240 ล้านบาท ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเองหลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง

และต่อมา อัยการสูงสุดก็ประกาศไม่ยื่นอุทธรณ์คดีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ตามด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็มีมติไม่อุทธรณ์คดีงบโรดโชว์ฯ

จึงถือว่าคดีของยิ่งลักษณ์ในชั้นศาลฎีกาฯ จบสิ้นหมดทุกคดี

โดย แม้ยิ่งลักษณ์จะมีคดีที่มีคนไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนกรณีการประมูลโรงไฟฟ้าฯ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ว่าไม่โปร่งใส แต่ดูแล้วคดีไม่มีอะไรน่าหนักใจ เพราะศาลปกครองสูงสุดก็เคยยกคำร้องเรื่องนี้มาแล้ว

เท่ากับชนักติดหลังเรื่องคดีความจบหมด เรียกได้ว่าทางสะดวกแล้วสำหรับยิ่งลักษณ์ เหลือแค่ต้องวางแผนจะกลับมารับโทษคดีจำนำข้าวที่ถูกศาลฎีกาฯ ตัดสินจำคุก 5 ปีอย่างไร เพื่อให้กลับมาแล้วไม่ต้องติดคุกแบบทักษิณ 

ทั้งหมดทำให้ทุกฝ่ายจับตามองอย่างมากว่ามีโอกาสไม่น้อยที่ยิ่งลักษณ์จะกลับมา เพียงแต่ว่าเมื่อกลับมาแล้วจะทำอย่างไรให้ตามรอยพี่ชาย ไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวได้

เพราะเงื่อนไขที่ยิ่งลักษณ์เจอแตกต่างจากทักษิณ เพราะแม้โทษจำคุก 5 ปีในคดีจำนำข้าวจะน้อยกว่าทักษิณที่มีโทษจำคุก 8 ปี

แต่ยิ่งลักษณ์ก็ติดเงื่อนไขไม่สามารถเดินตามรอยทักษิณได้ทุกฝีก้าว เช่น เรื่องของอายุ ที่ตอนนี้ยิ่งลักษณ์ในวัย 56 ปี จึงทำให้หากกลับมาแล้วมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษ แล้วจะใช้วิธีการแกล้งป่วยแบบทักษิณโดยไม่สนใจกระแสสังคม แต่ตัวยิ่งลักษณ์ก็ติดที่เรื่องอายุ เพราะทักษิณอายุ 75 ปี จึงเข้าเงื่อนไขการพักโทษ ที่ให้สำหรับนักโทษที่มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป

กระนั้น แวดวงการเมืองดูจะมองว่าทักษิณน่าจะมี “ดีลลับ” และ “แผนลับ” ในการที่จะช่วยเหลือน้องสาว ยิ่งลักษณ์ ให้กลับมาทันเล่นน้ำสงกรานต์ที่เชียงใหม่ปีหน้าให้ได้

เพียงแต่ตอนนี้อาจกำลังรอดูลู่ทางอยู่ทั้งในเชิงข้อกฎหมาย-ระเบียบต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ เพื่อรอจังหวะในการเคลื่อนไหว

ด้วยเหตุนี้ ทุกการขยับของคนในรัฐบาลเพื่อไทยจึงถูกจับจ้องทุกฝีก้าวว่าจะเป็น “แผนการปูทางช่วยยิ่งลักษณ์กลับไทย” ใช่หรือไม่?

จึงไม่แปลกที่ เมื่อ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ที่ถือเป็น “เบอร์สองของรัฐบาล” ในฐานะรองนายกฯ อันดับหนึ่ง ออกตัวเต็มที่กับการเข้ามาสะสางเรื่อง

“ข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลตามโครงการรับจำนำข้าว”

ที่มีการยกคณะ รวมถึงสื่อมวลชนไปร่วมเปิดโกดังที่คลังกิตติชัย จ.สุรินทร์ และมีการนำข้าวในโกดังมาล้างน้ำและหุงกินกัน เพื่อต้องการโชว์ว่า ข้าวในโครงการรับจำนำข้าวสิบปีแล้วก็ยังกินได้ พร้อมกับประกาศจะนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเมื่อสิบปีที่แล้วมาประมูลขายภายในเดือนนี้ หรือช้าสุดไม่เกินเดือนหน้า มิถุนายน ที่คาดว่าอาจจะประมูลขายได้ในราคาประมาณ 200-400 ล้านบาท

                    แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของภูมิธรรมในทางการเมือง ย่อมถูกวิเคราะห์และเชื่อมโยงไปว่า มันคือหนึ่งในแผนสร้างความชอบธรรมให้กับโครงการรับจำนำข้าว ด้วยวิธีการค่อยๆ สร้างการรับรู้-สร้างข้อมูลใหม่ เพื่อพยายามบอกว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรอย่างที่คนวิจารณ์กัน ดูได้จากขนาดข้าวในโกดังเก็บมาสิบปีแล้วยังกินได้เลย และยิ่งหากมีการประมูลแล้วภาครัฐได้เงินมาหลายร้อยล้านบาท แม้จะเทียบไม่ได้กับความเสียหายหลายแสนล้านบาทในโครงการจำนำข้าว แต่ฝ่ายเพื่อไทยก็ต้องนำมาตีปี๊บว่าข้าวในโครงการจำนำข้าว นอกจากกินได้แล้วยังประมูลขายได้ และอาจส่งออกได้อีก

เพราะต้องไม่ลืมว่า “บาดแผลจากโครงการจำนำข้าว” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่หนักหนามากที่สุดก็คือ

ความเสียหายทางงบประมาณจากการดำเนินนโยบายดังกล่าว

ที่แม้ตัวเลขจากฝ่ายต่างๆ จะไม่ตรงกันบ้าง แต่ก็หลักแสนล้านบาททั้งสิ้น

                    เช่น ข้อมูลเมื่อ 10 ธ.ค.64 ที่นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้ เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดโครงการจำนำข้าวไว้ตอนนั้นว่า แม้โครงการจำนำข้าวจะยุติลงหลายปีแล้ว แต่ภาระงบประมาณยังคงมีต่อ โดยทาง ธ.ก.ส.รายงานว่าในปีงบประมาณ 2565 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 1 แสนล้านบาท

“เมื่อเปิดให้มีการระบายข้าวจนหมดแล้ว จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้ แล้วถึงจะทราบว่ามีผลขาดทุนเท่าไร โดยเบื้องต้นประมาณ 5 แสนล้านบาท จากการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2554-57”

หรือข้อมูลเมื่อ 17 เม.ย.2566 ที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่ “รายงาน 10 ปี คดีโกงของนักการเมืองไทย” โดยระบุว่า คดีที่สร้างความเสียหายให้ประเทศมูลค่าสุงสุดในรอบสิบปี ได้แก่ คดีโครงการจำนำข้าว (มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท)

ดังนั้น การพยายามลบล้างข้อมูลความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว และสร้างชุดข้อมูลใหม่ๆ ว่า โครงการจำนำข้าวไม่ได้สร้างความเสียหายมากอย่างที่หลายคนเคยรับรู้

มันเป็นสิ่งที่คนในรัฐบาลเพื่อไทยต้องพยายามทำให้ได้ เพื่อลบภาพในส่วนนี้ออกไป ในลักษณะค่อยๆ ทำ

ที่ในเชิงการเมือง มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า คนย่อมมองและวิจารณ์กันว่าการโชว์กินข้าวสิบปีในโครงการจำนำข้าว มันก็คือ อีกหนึ่ง แผนปฏิบัติการปูทางเพื่อสร้างความชอบธรรมก่อนที่ยิ่งลักษณ์จะกลับไทย โดยไม่ต้องรับโทษเหมือนพี่ชาย?.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บุ้ง ทะลุวัง' สังเวยการเมือง บีบรัฐบาลเพื่อไทยเร่งคลี่คลายสถานการณ์

การเสียชีวิตของ น.ส.เนติพร เสน่ห์ หรือ บุ้ง ทะลุวัง จากอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ระหว่างถูกคุมขังที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

จับตา 22 สิงหา! 'ทักษิณ' พักโทษยังทำได้ขนาดนี้ พ้นโทษจะขนาดไหน

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อยู่ระหว่างการพักโทษ ยังทำได้ขนาดนี้ พ้นโทษแล้วจะขนาดไหน

ทวงสัญญารัฐบาลเพื่อไทย แก้กม.-ปล่อยตัวนักโทษม.112

การต่อสู้ของ “เนติพร เสน่ห์สังคม” หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” ผู้ต้องขังคดีมาตรา 112 ได้สิ้นสุดลง เพราะเธอจากไปขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ด้วยอาการหัวใจวาย เนื่องมาจากอดข้าวอดน้ำประท้วง เรียกร้องให้แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อสู้เกี่ยวกับสิทธิในการประกันตัว และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม