จบศึก2บิ๊กตำรวจคืนเก้าอี้'ต่อศักดิ์' 'บิ๊กโจ๊ก'ลุ้นคืนรังแคนดิเดต'ผบ.ตร.'

ครบกำหนดขยายเวลา 90 วัน (20 มิ.ย.) คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ระหว่าง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ หรือ ปลัดฉิ่ง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน

ผลการสอบของคณะกรรมการถึงมือนายกฯ ล่วงหน้า 1 วัน ส่งต่อให้ “เนติบริกร” นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย เป็นผู้แถลงผลสอบ “พบความขัดแย้ง ไม่มีความเรียบร้อยในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง ระดับกลาง ระดับเล็ก เรื่องทั้งหมดมาจาก ‘บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก’ ทำให้รวมทั้งลูกน้องของบิ๊กตำรวจทั้ง 2 นาย ก็เกิดความขัดแย้งไปด้วยจากการทำคดี ต่อเนื่องการดำเนินคดีเว็บพนันออนไลน์ แต่คดี ป.ป.ช., ปปง.รับไปดำเนินการแล้ว ไม่มีตกค้างที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้รับคำสั่งกลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. จึงสมควรส่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กลับไปปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่เดิม เนื่องจากสอบสวนเสร็จแล้ว ไม่มีข้อที่จะต้องตรวจสอบอีก คดีให้ว่ากันไปตามกระบวนการของแต่ละหน่วยงาน”

คืนเก้าอี้ให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก่อนเกษียณ 3 เดือนข้างหน้า ขณะที่คำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันที่ 18 เม.ย. เป็นคำสั่งให้กลับไปเชือด “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รอง ผบ.ตร. รรท.ผบ.ตร.สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน กลายเป็นชนวนความขัดแย้งระดับผู้บริหารในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกคู่ ระหว่าง “บิ๊กโจ๊ก” กับ “บิ๊กต่าย” ที่ทั้งคู่เป็น “รอง ผบ.ตร.” แคนดิเดต “ผบ.ตร.” คนต่อไป คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจึงถูกมองเป็นเกมการเมืองภายในองค์กร สกัด “บิ๊กโจ๊ก” อาวุโสอันดับหนึ่งก้าวขึ้นสู่ผู้นำสีกากี

เก้าอี้ “ผบ.ตร.” คือเป้าหมายของชีวิตข้าราชการตำรวจของ “บิ๊กโจ๊ก” ถึงแม้ถูกถอดชุด “สีกากี” ไปแล้วครั้งหนึ่ง ไปเป็นข้าราชการพลเรือนที่สำนักนายกรัฐมนตรี เดินหน้าฟ้องอดีตผู้บังคับบัญชา นายกรัฐมนตรี จนสามารถกลับมาสวมเครื่องแบบตำรวจอีกครั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องเปิดตำแหน่งใหม่รองรับก่อนสไลด์เข้าสู่ไลน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.-รอง ผบ.ตร. เป้าหมายอยู่แค่เอื้อม “บิ๊กโจ๊ก” จึงต้องสู้สุดตัว ยื่นอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) มีกำหนดระยะเวลา 120 วัน หากยังไม่แล้วเสร็จสามารถขยายเวลาได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 60 วัน ณ วันนี้ เป็นระยะเวลา 58 วัน ยังเหลือเวลาอีกกว่า 2 เดือน

ซึ่งขั้นตอนการอุทธรณ์คำสั่ง ก.พ.ค.ตร. ขณะนี้กรรมการเจ้าของสำนวนมีคำสั่งรับไว้พิจารณา และได้สั่งให้ “บิ๊กต่าย” ทำคำแก้อุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งขณะนี้คำสั่งแก้อุทธรณ์เสร็จและได้ส่งให้กับกรรมการเจ้าของสำนวนแล้ว ขั้นตอนต่อไปกรรมการเจ้าของสำนวนจะต้องส่งให้กับ “บิ๊กโจ๊ก” พิจารณามีสิทธิแย้งได้ แต่หากไม่มีคำแย้ง พยานหลักฐานครบถ้วนทั้งสองฝ่าย กรรมการเจ้าของสำนวนจะกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงกำหนดวันพิจารณา หากคำวินิจฉัยคำร้องอุทธรณ์ไม่เป็นผลบวกต่อ “บิ๊กโจ๊ก” สามารถยื่นร้องต่อศาลปกครองได้อีก

7 อรหันต์ “ก.พ.ค.ตร.” ประกอบไปด้วย 1.นายธวัชชัย ไทยเขียว อดีตอธิบดีกรมพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนและอดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม 2.พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน อดีต ผบช.กมค. 3.พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ตร. 4.นายวันชาติ สันติกุญชร อัยการอาวุโส 5.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี อดีต ผบ.ตร., อดีต เลขาธิการ สมช. และอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม 6.พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม อดีตที่ปรึกษา (สบ10) ตร. และ 7.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคล ในศาลปกครองสูงสุด แต่ พล.ต.อ.วิเชียรเคยมีข้อขัดแย้งกับ “บิ๊กโจ๊ก” ได้ถอนตัวออกไป

ซึ่งตามไทม์ไลน์ “บิ๊กโจ๊ก” จะได้กลับเข้ารับราชการตำรวจอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ถ้าอุทธรณ์คำสั่งผ่าน ต้องยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน “บิ๊กโจ๊ก” กลับ สตช.ทันที แต่ถ้าอุทธรณ์คำสั่งไม่ผ่าน สามารถยื่นร้องต่อศาลปกครองสูงสุดได้ แต่ถ้านับระยะเวลาของ ก.พ.ค.ตร.เหลือประมาณ 60 วัน หรือถ้าขยายเวลาก็ไม่เกิน 120 วัน ปกติการเฟ้นหาตัว “ผบ.ตร.” คนต่อไป จะเห็นหน้าค่าตากันไม่เกินกลางเดือนสิงหาคม ระยะเวลาที่เหลือ “บิ๊กโจ๊ก” แทบหมดลุ้นเป็นแคนดิเดตผู้นำสีกากี

แต่ไม่มีอะไรแน่นอนในวงการ “สีกากี” ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อีกหัวโขนเป็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นการสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ออกจากราชการไว้ก่อนจะต้องกระทำตามคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการสอบสวนเสียก่อน ซึ่งคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนครั้งนี้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน ทั้งคำสั่งให้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คำสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง คือวันที่ 18 เม.ย. คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีมติเอกฉันท์ 10 ต่อ 0 คำสั่งดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 กระทบสิทธิประโยชน์และหน้าที่ รวมถึงการเลื่อนตำแหน่งซึ่งหมายถึงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม สมควรจัดการแก้ไขให้ถูกต้อง โดยเป็นอำนาจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการ

ถึงแม้ความเห็นกฤษฎีกาจะไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่การให้ออกจากราชการไว้ก่อนของ “บิ๊กโจ๊ก” ยังถือว่าไม่สมบูรณ์ เพราะอยู่ระหว่างนำความกราบบังคมทูลที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีต้องตรวจสอบให้ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งความเห็นของกฤษฎีกาสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่ “บิ๊กโจ๊ก” ใช้เป็นข้อต่อสู้อุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงเป็นช่องให้ “บิ๊กโจ๊ก” มีลุ้นคืน สตช.เข้าไลน์แคนดิเดตลุ้นเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” อีกครั้ง

ข้อเสนอแนะของกฤษฎีกา สตช.จะนำมาปรับแก้ไขหรือไม่ คำสั่งอุทธรณ์ ก.พ.ค.ตร.จะออกมาหน้าไหน หรือจะมีดีลสยบศึกสมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย แต่อย่าลืมว่าต่างคนต่างมีชนักปักหลัง คดีความมีกรอบระยะเวลากำหนด ไฟดับแต่ยังเหลือควันอย่าชะล่าใจ จับตาดูกันอย่ากะพริบ เก้าอี้ “ผบ.ตร.” คือเดิมพัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นโยบายที่“อิ๊งค์”ไม่กล้าพูด เรื่องสำคัญกว่าผลงาน90วัน

บรรดากองเชียร์รัฐบาลเพื่อไทยอาจจะชื่นชม หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เล่นใหญ่ เปิดสตูดิโอ 4 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ยืนเดี่ยวไมโครโฟน

แถลงผลงาน3เดือน‘รัฐบาลอิ๊งค์’ โชว์อนาคตประเทศ รอดหรือร่วง?

ได้เวลาตีปี๊บผลงานรัฐบาล 90 วันของ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วันนี้ 12 ธันวาคม 2567 ในหัวข้อ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” (2025 Empowering Thais : A Real Possibility) ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) พร้อมถ่ายทอดสดให้คนไทยได้รับชม

กม.สกัดรัฐประหาร‘ส่อแท้ง’ พรรคร่วมไม่อิน-ไม่เอา

ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...) พ.ศ. .... ฉบับ ‘หัวเขียง’ ที่นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยเสนอ ส่อแวว ‘แท้ง’ ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น

จับ“ไทย”ชน“เมียนมา” เด้งเชือกรับมือเกมมหาอำนาจ

หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง

พท.ยึดอำนาจกองทัพ สกัดลากรถถังตรึงทำเนียบฯ

เรียกเสียงครางฮือไปทั่วแวดวงทหารและแวดวงการเมือง กับการขยับของ สส.เพื่อไทย ที่เข้าชื่อกันเสนอร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม เข้าสภาฯ ที่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านเว็บไซต์ของสภาฯ

เพื่อไทยแจกเงินรัฐถังแตก? แผนสะดุดอดปล้นแวต15%

แม้รัฐบาลเพื่อไทยจะมั่นอกมั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระหลังมีภูมิคุ้มกันด้วยพลังแฝง จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำรัฐบาล