ดรามา วุฒิการศึกษา 'หมอเกศ' เปิดข้อกม.เอาผิด-พ้นสภาพสว.?

นับตั้งแต่กระบวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เมื่อปลายเดือนมิ.ย. สิ้นสุดลง หัวกระไดสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่แห้งอีกเลย เพราะหลังจากนั้นมีกลุ่มคนเข้ามายื่นหนังสือ เพื่อตรวจสอบกระบวนการเลือกที่ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มเพื่อเลือกบุคคลที่เป็นเป้าหมายโดยเฉพาะ หรือเรียกว่า ฮั้ว หรือการตรวจคุณสมบัติสว.

โดยหนึ่งในนั้นที่เป็นกระแสสังคมอยู่ขณะนี้ "ศาสตราจารย์ ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย" สว.ดีกรีปริญญาเอก ที่ได้รับคะแนนเรื่องมากที่สุดในประเทศไทย 79 คะแนน

สาเหตุที่ทุกคนต่างโฟกัสเป็นที่ "หมอเกศ" คือวุฒิการศึกษา ที่ระบุในใบแนะนำตัวผูัสมัคร (สว.) โดยระบุว่า จบปริญญาเอกรัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตที่ California University ซึ่งจบที่เดียวกันกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ โดยได้ยืนยันด้วยใบวุฒิการศึกษาว่าจบจากที่นี่จริง

ทว่าทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เพราะ California University ไม่มีการเรียนการสอน มีแต่ University of California ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

California University เป็นเพียงแค่องค์กรที่ประเมินการศึกษาสำหรับระดับผู้ใหญ่เพื่อที่จะได้รับการรับรองว่าจบปริญญาจากมหาวิทยาลัยจริงหรือไม่  โดยให้บริการทั้งคนในประเทศ และต่างประเทศ โดยให้การประเมินประกาศนียบัตรตลอด 24 ชั่วโมง มีสถานที่เป็นห้องแถวเล็กๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้คำถามต่อมา หมอเกศ เรียนจบจากที่ไหน นำใบทรานสคริปจากมหาวิทยาลัยใดไปยื่นให้กับ California University เพื่อรับรองวุฒิ เพราะกรณีดังกล่าวเคยเป็นประเด็นเมื่อหลายปีที่แล้วที่ ร.อ.ธรรมนัส นำใบวุฒิการศึกษาว่าจบจาก California University และใบเกรดมาโชว์ต่อสื่อมวลชน แล้วมีการ จับโป๊ะ เนื่องจากในใบเกรดมีการระบุถึง ประเทศวานูอาตู ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะห่างไกลในมหาสมุทรแปซิฟิก

และยิ่งประเด็นคำนำหน้า ศาสตราจารย์ เป็นไปได้ยาก โดยตำแหน่งระดับนี้ในประเทศไทยนั้นต้องได้รับพิจารณาเห็นชอบจากสภามหาวิทยาลัยก่อนนำความขอพระราชทานโปรดเกล้า และส่วนใหญ่เป็นผู้มีผลงานการวิจัยต่างๆ และวัยวุฒิ ฃ

กลับกัน หมอเกศ อายุเพียงแค่ 45 ปีเท่านั้น รวมถึงใบสว.3 ประสบการณ์ทำงานที่ได้ระบุไว้ มีโอกาสน้อยที่จะได้รับตำแหน่งเป็น ศาสตราจารย์

โดยประเด็นของ หมอเกศ ได้มีผู้ร้องขอให้ตรวจสอบ ไม่ว่าจะ "อ.อ๊อด" -  รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยื่นร้องต่อกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า การนำหน้าชื่อเพื่อสมัครเข้ารับการสรรหาในตำแหน่งสว.ทำให้สังคมสับสนว่าเป็นการได้ตำแหน่งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จนนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง                                         ขณะที่ "สนธิญา สวัสดี" อดีตผู้สมัครสว. ที่ขอให้ตรวจสอบที่มาตำแหน่งทางวิชาการ ถ้านำข้อมูลเท็จลงในระบบราชการไทย ถือว่ามีความผิดหรือไม่

ทางด้านทนายของ หมอเกศ ได้ออกมาโต้ข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ เอกสารทั้งหมดได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสหรัฐอเมริกา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเครื่องยืนยันว่า จบการศึกษาจริง ไม่ใช่ปริญญาปลอมซึ่งทางมหาวิทยาลัยที่ได้จดทะเบียนกับกระทรวงศึกษาธิการ เป็นมหาวิทยาลัยประเมินเกรด ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก หรือ เทียบเท่า รูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบ เวิลด์ไวด์ มีการเรียนการสอนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา

อย่างไรก็ตามแต่ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกสว. ไม่ได้ระบุถึงการศึกษาขั้นต่ำ เพราะฉะนั้นใครจะจบสูง หรือ เรียนไม่จบก็สามารถเป็นสว.ได้ ไม่มีความผิด

แต่ตามมาตรา 75 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสว.บัญญัติว่า หากเอกสารหรือความผิดที่ใช้ประกอบการสมัครรับเลือกสว.  ผู้ที่รับรอง หรือ ลงลายมือ ชื่อเป็นพยาน ที่ใช้ประกอบ

การสมัครเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตจากสังคมว่า หมอเกศ มีความพยายามต้องการจะใช้วุฒิการศึกษา ที่ระบุว่าจบจากมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกานำมาประกอบในใบสว.3 เพื่อจูงใจโน้มน้าวให้ผู้สมัครสว.เลือกตนเองหรือไม่

ซึ่งตามมาตรา 62 ในกฎหมายดังกล่าว เมื่อกกต.ประกาศผลการเลือกตามมาตรา 42 วรรคสอง แล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอันเป็นการทุจริต หรือ รู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่นอันทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม ให้กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเ พิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น เ

เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ผู้นั้นก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถ้าศาลมีคำสั่งพิพากษาว่ามีความผิด  ก็จะพ้นความเป็นสว.

จึงเป็นหน้าที่ของกกต.ที่จะต้องตรวจสอบเรื่องร้องเรียนต่างๆรวมถึงเราผิดกับสว.ที่มีพฤติการณ์ทุจริต ซึ่ง ซึ่ง ณ ปัจจุบันสว.ป้ายแดง ได้เตรียมเข้าทำหน้าที่ในสภาสูง โดยจะนัดประชุมครั้งแรกในวันที่ 23 ก.ค.นี้ โดยมีวาระที่จะเลือกประธานวุฒิสภา          และรองประธานฯ

กกต.ก็ยังสามารถดำเนินการตรวจสอบแสวงหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อเอาผิดสว.ย้อนหลังได้โดยไม่มีกำหนดเวลา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วาระร้อนหลังเปิดสภาฯ12ธ.ค. จุดไฟการเมืองลุกโชนก่อนยุบ!

รัฐสภาจะกลับมาเปิดสมัยประชุมกันอีกครั้งตั้งแต่ 12 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งหากจังหวะการเมืองเดินไปตาม MOA ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ทำไว้กับพรรคประชาชน ก็คือจะ ยุบสภาฯ ในวันที่ 31 มกราคม 2569

หาดใหญ่-สแกมเมอร์ทำรบ.'แต้มหล่น' 'อนุทิน'เปิดหน้าชนกู้เรตติ้ง

โดนล่อเป้าในจังหวะที่รัฐบาลกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอจากกรณีมหาอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา สำหรับการปล่อยภาพที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน