หากจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนถูกกระแสต่อต้าน ก็มีความเป็นได้ว่าในสภาวะที่รัฐบาลส่อถังแตกจากนโยบายแจกเงินหมื่นที่มุ่งสนองการเมืองเพียงอย่างเดียว ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำทุกคนมีแนวโน้มถูกขูดเลือดขูดเนื้อด้วยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ตามธงที่ “ทักษิณ” คิด “เพื่อไทย” ทำ ใช่หรือไม่
แม้รัฐบาลเพื่อไทยจะมั่นอกมั่นใจว่าจะอยู่ครบวาระหลังมีภูมิคุ้มกันด้วยพลังแฝง จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องคดี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำรัฐบาล
เช่นเดียวกับเสียงในสภาที่มีความเข้มแข็งถึง 320 เสียง ขณะที่การทำงานของฝ่ายค้านก็ถูกมองว่ามีวาระแอบแฝง ชกไม่เต็มหมัด บนสมมุติฐานมีดีลลับฮ่องกงระหว่างผู้นำทางจิตวิญญาณของทั้งพรรคส้มและแดง
ภาระหลักจึงตกไปที่พรรคพลังประชารัฐ นักร้องระดับประเทศและแกนนำม็อบนอกจากสภา ว่าจะรอสถานการณ์สุกงอมเพื่อไล่ระบอบชินวัตรให้พ้นกระดาษการเมือง
โดยเฉพาะปมเอ็มโอยู 44 ที่ขณะนี้ปลุกให้สังคมเกิดความหวาดระแวงขึ้นมาแล้ว โดยเฉพาะความไม่ไว้วางใจของสายสัมพันธ์ตระกูลชินวัตรกับตระกูลฮุน เซน ผู้นำประเทศกัมพูชา ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการเมื่อไหร่ จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว จะพารัฐบาลตายหมู่ก็เป็นได้
กลับมาที่ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เป็นที่แน่ชัดว่าจะหวังพึ่งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจคงยากสำเร็จดังที่คุยโวโอ้อวดว่า คิดใหญ่ ทำเป็น เพราะนับวันยิ่งตีบตัว เหมือนคนป่วยโรค NCDs ที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุด
ลำพังแค่แก้การแก้ปัญหารูทีน เช่น ภัยพิบัติต่างๆ น้ำท่วมใต้รอบล่าสุด ก็ติดหล่มถูกดรามาเล่นงาน แม้นายกฯ แม่ลูกอ่อนหวังแสดงความจริงใจจะไม่ทิ้งคนใต้ว่า “สามีเป็นคนใต้ ส่วนตัวเองเป็นสะใภ้เมืองคอน" หวังกลบกระแสถูกมองว่าไม่ใช่พื้นที่เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย อย่างเช่นภาคเหนือและอีสาน
สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกทัวร์ลงว่า ตรรกะเพี้ยน ไม่สามารถแยกแยะเหตุและผล ความสำคัญระหว่างงานและเรื่องส่วนตัว
ถึงขนาดนายกฯ หญิงเก็บทรงไม่อยู่ เลือกเหวี่ยงกลับว่า “ความคิดในเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงในตัวคุณ คนที่ไม่มีความมั่นคงมักดูถูกคนอื่นเพื่อยกระดับตัวเอง”
เสียงโห่จึงตามมาและประทับตราว่า นายกฯ เป็น มะม่วงบ่มแก๊ส ถูกผลักขึ้นมาเพื่อความจำเป็นทางการเมือง ทั้งที่ยังขาดความรู้ ประสบการณ์ และวุฒิสภาวะยังติดลบ
ขณะที่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจนโยบายเรือธงอย่าง ดิจิทัลวอลเล็ต แจกเงินหมื่น กลายเป็น “เรือเกลือ” ไม่ตรงปก ต้องทยอยจ่าย แบ่งแยกประชาชนเป็นกลุ่มๆ กลุ่มเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ จากเดิมจะจ่ายทุกคน
ส่วนความตั้งใจหวังให้เกิดพายุหมุนในระบบเศรษฐกิจ กลายเป็นนโยบายเสียของการสร้างภาระหนี้สาธารณะ ประเทศเสียโอกาสพัฒนา โครงการสร้างพื้นฐาน พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ รองรับสังคมผู้สูงอายุ เป็นต้น
แต่ที่ดันทุรังจ่ายเงินเพื่อรักษาหน้าของพรรคเพื่อไทยไม่ให้ถูกประณามจากพี่น้องประชาชน อีกด้านหนึ่งยังหวังใช้เงินหมื่นให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุในวันที่ 29 ม.ค.68 ในช่วงที่กำลังเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ.68 ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน เกิดคำถามว่าเป็นการใช้เงินหลวงซื้อเสียงล่วงหน้าหรือไม่
มีรายงานว่า ขณะนี้ผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยหลายจังหวัดไม่หาเสียงจะสร้างประโยชน์อย่างไรให้แก่ท้องถิ่นแล้ว แต่จะแจกเงินหมื่นเพียงอย่างเดียว เพราะคิดว่ากระสุนและกระแสทักษิณสามารถใช้เงินซื้อ และเหยียบย่ำศักดิ์ศรีชาวบ้านได้ แม้ในบางพื้นที่เอาคนรอบตกหรือเสาไฟฟ้าลงก็ตาม
ขณะที่ประชาชนหารู้ไม่ว่า หากได้เงินวันนี้ อาจต้องตามใช้หนี้อีกหลายร้อยปีไปชั่วลูกชั่วหลาน ผ่านการขูดรีดขูดเนื้อจากระบบภาษีสารพัดรูปแบบ เป็นไปตามที่ 99 นักเศรษฐศาสตร์ เคยออกแถลงการณ์ต่อต้านการแจกเงินหมื่นเอาไว้ เพราะจะสร้างความเสียหายให้กับอนาคตประเทศ
“ไม่มีใครเสกเงินได้ ไม่มีเงินที่งอกจากต้นไม้ ไม่มีเงินที่ลอยมาจากฟ้า ไม่ว่าจะแอบซ่อนมาในรูปใดก็ตาม สุดท้ายแล้วประชาชนจะต้องจ่ายคืนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น และ/หรือราคาสินค้าแพงขึ้นเพราะเงินเฟ้ออันเนื่องจากการเพิ่มปริมาณเงิน”
น้ำลดตอผุดทันที เมื่อ พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง จากพรรคเพื่อไทย ส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับเพิ่มอัตราการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) เพิ่มขึ้นจาก 7% โดยอ้างต่างประเทศเก็บภาษีสูง 15-25% โดยอ้างว่าเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ท่ามกลางข้อครหาว่า หวังหาเงินจากชาวบ้านมาอุดสภาวะถังแตกจากนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงจากประชาชน โดยเฉพาะการผลาญเงินในโครงการแจกเงินหมื่น หลังจากการจัดหารายได้ของรัฐบาลได้น้อยเกินไป ไม่พอต่อการลงทุนในโครงการอื่นๆ
นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา แม้แต่คนในรัฐบาลด้วยกันยังทนไม่ได้ โดย ธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เด็กในคาถาลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ยังทนไม่ไหว โดยบอกว่าการปรับโครงสร้างภาษี โดยเฉพาะแวต ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อคนทั้งประเทศ เนื่องจากรายได้ของประชาชนยังเท่าเดิม แต่ภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเท่าตัว จะยิ่งทำให้กำลังซื้อและการตัดสินใจใช้จ่ายเงินของประชาชนยิ่งลดลงด้วย ส่งผลต่อเงินหมุนเวียนในประเทศโดยตรง
ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ก็ออกมาสอนมวยว่า ให้ รมว.การคลังศึกษาให้เสร็จแล้วค่อยพูด จะปรับภาษีเงินได้-ขึ้นแวต 15% เพื่อลดเหลื่อมล้ำใช่หรือไม่ นัยว่านอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ยังทำให้พรรคเพื่อไทยเสียแต้มถูกด่าฟรีอีกด้วย
เช่นเดียวกับ เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ฟันธง เจ้าของไอเดียคือนายใหญ่ โดยระบุว่าแนวความคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 15% น่าจะมาจากความคิดของนายทักษิณ ซึ่งเคยพูดเรื่องการแจกเงินให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปบนเวทีหาเสียงนายก อบจ.อุดรธานีมาแล้ว หลังจากนั้นเพียง 1 วัน รมว.การคลังก็ขานรับทันที ดังนั้นนโยบายขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 15% ก็น่าจะเป็นเรื่องในทำนองเดียวกัน
รศ.ดร.อธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มุมมองว่า การขึ้นแวตทีเดียวสองเท่าจะทำให้เกิดผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้น หลายประเทศจึงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ขึ้นในลักษณะจาก 7% เป็น 15% อย่างเช่นญี่ปุ่นที่ค่อยๆ ปรับจาก 8% เป็น 10%
“แวตเป็นยาขมของรัฐบาล มันมีสถิติบอกว่ารัฐบาล 90% ที่ขึ้นแวต เทอมหน้าแพ้เลือกตั้งตลอด ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังมาก” นักวิชาการออกมาเตือน
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ผู้จัดการรัฐบาล โต้ข้อครหาแจกเงินหมื่นทำรัฐถังแตกจนต้องเตรียมเก็บภาษีแวต 15% ว่า ไม่เกี่ยวกับถังแตกหรือไม่ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ควร เพื่อให้การจัดการภาษีเกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย นับเป็นหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับทุกส่วน ซึ่งกระทรวงการคลังต้องไปดู แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน
ล่าสุด แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ต้องออกมาโพสต์สยบข่าวหลังกระแสต่อต้านทั่วทุกหย่อมหญ้า ด้วยการโพสต์ว่า “รัฐบาลจะไม่มีการขึ้นแวตเป็น 15%” หลังก่อนหน้านี้ไม่รู้เรื่อง โยนให้คลังชี้แจง
หากจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจนถูกกระแสต่อต้าน ก็มีความเป็นได้ว่าในสภาวะที่รัฐบาลส่อถังแตกจากนโยบายแจกเงินหมื่นที่มุ่งสนองการเมืองเพียงอย่างเดียว ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำทุกคนมีแนวโน้มถูกขูดเลือดขูดเนื้อด้วยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ตามธงที่ “ทักษิณ” คิด “เพื่อไทย” ทำ ใช่หรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แค่เทคนิคหาเสียง! 'ทักษิณ' ปราศรัยศรีสะเกษ พล่ามอีกไล่หนูตีงูเห่า
นายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเวทีปราศรัยต่อที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (ลานกีฬาผู้ใหญ่เฮง) อ.อุทุมพรพิสัย เพื่อช่วยนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายก อบจ.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทยหาเสียงต่อ โดยยังคงมีประชาชนรอฟังการปราศรัยจำนวนมาก
‘แม้ว’ปลุกไล่หนูตีงูเห่าพ่วงรื้อกัญชา
“ทักษิณ” ปราศรัยศรีสะเกษ เจอป้ายค้านกาสิโน แสบถามเลี้ยงหลานตอนไหน
รถไฟฟ้าฟรีแก้ฝุ่น! อิ๊งค์โต้มีแผนรับมือ กทม.ให้ดูแลตัวเอง
"ทักษิณ" เหน็บ "เท้ง" มีหน้าที่เดียวค้านในสภาแต่นายกฯ มีภารกิจเยอะกว่า หลังวิจารณ์ "แพทองธาร"
'ทักษิณ' คุยซื้อแมนซิตี้แก้เหงา อยากอยู่เงียบๆ ไม่ยุ่งการเมือง หลังโดนปฏิวัติ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบนักฟุตบอลสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ เล่าย้อนอดีตว่า ตนเองเคยเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เล่นกีฬาทุกอย่าง พอตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นมาเราก็ส่งเสริมสปีตซ้อกเกอร์ แบบประเทศบราซิล
'ทักษิณ' มองสูสี 'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' ชิงนายก อบจ.ศรีสะเกษ พรรคส้มแค่ไม้ประดับ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นปราศรัยเวทีแรกที่อ.กันทรลักษ์ เพื่อช่วยนายวิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ ผู้สมัครนายกอบจ. ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย(พท.)หาเสียง ว่า การลงพื้นที่วันนี้อาจจะแหบแห้งไปหน่อย
'ทักษิณ' ประเดิมขึ้นเวทีอ้อนคนศรีสะเกษ ระดมตำรวจ 200 นายคุมเข้ม!
'ทักษิณ' ประเดิมเวทีแรกศรีสะเกษ ตร.คุมเข้ม อ้อนอย่าขี้เหนียว วอนเลือก 'วิวัฒน์ชัย' พร้อม สจ. ยกจังหวัด ฟุ้งรัฐบาลเพื่อไทยแก้ศก.ได้ดีสุด หากทำไม่ได้ คนอื่นก็หมดปัญญา