หลังจากที่กองกำลัง “ว้าแดง” ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข่าวลือความตึงเครียดระหว่างทหารไทยกับว้าแดงบริเวณชายแดน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทำให้ “ข่าวลือ” ดังกล่าวเริ่มเบาเสียงลง
แถลงการณ์ดังกล่าวยืนยันว่า ว้าแดงไม่เคยบอกว่าจะเป็นศัตรูกับกองทัพไทย หรือทำสงครามกับกองทัพไทย โดยข่าวลือที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสื่อฯ ที่ประดิษฐ์คำกล่าวอ้างและมุ่งร้ายด้วยเจตนาแอบแฝง พร้อมประณามกลุ่มคนที่สร้างข่าวลือ จงใจสร้างปัญหาและพยายามก่อให้เกิดสงคราม
จึงมีการวิเคราะห์กันว่า เหตุใดข่าวดังกล่าวจึงถูกหยิบยกขึ้นมาสร้างเป็นกระแส หวังให้เกิดบรรยากาศการเผชิญหน้ากันตามแนวชายแดนในขณะนี้
โดยมีการวิเคราะห์สาเหตุการกระพือข่าวดังกล่าวว่าเกิดมาจากหลายเหตุปัจจัย ได้แก่
- ความหวาดระแวงของ “ว้าแดง” เองที่เกิดจากการตีความท่าทีทหารไทย ซึ่งได้พบปะพูดคุยกันที่ จ.เชียงใหม่ หลายเรื่อง ทั้งกรณีการขอความร่วมมือในเรื่องยาเสพติด ปัญหาหมอกควัน และการขีดเส้นตายให้ขยับ 2 ฐานทหารว้าที่ดอยหัวม้าและหนองหลวงออกไป
โดยปัญหาดังกล่าวมีมาอย่างยาวนาน ปรากฏหลักฐานเป็นภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ ค.ศ.2001 ซึ่งพบว่าล้ำเข้ามาถึง 107 เมตร และหน่วยทหารในพื้นที่ได้ดำเนินการประท้วงไปยังทางการเมียนมาอย่างต่อเนื่อง มีการพูดคุยในคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา เลยไปถึงคณะกรรมการระดับสูงของกองบัญชาการกองทัพไทย แต่ไม่มีการขยับฐานทหารออกไป โดยทางการเมียนมาได้แจ้งกับไทยว่าได้มีการประสานไปยังกองกำลังว้าแล้วแต่ไม่ได้รับการสนองตอบ
ฝ่ายทหารไทยยังใช้ช่องทางอย่างไม่เป็นทางการในการพบปะหารือควบคู่กันไป เช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ที่มีกองกำลังตั้งฐานอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย โดยยึดกฎกติกาที่มีลำดับขั้นจากเบาไปหาหนัก ลดการเผชิญหน้าที่อาจจะเกิดขึ้น
ส่วนปัจจัยอีกประการที่ทำให้ “ว้าแดง” ระแวงฝ่ายไทยอาจเป็นเพราะนโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลไทย ที่ประกาศว่าจะดำเนินการให้เห็นผลงานเป็นรูปธรรม ทำให้ตีส่งสัญญาณให้มีการกวาดล้างกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในเส้นทางลำเลียงยาเสพติดเข้าพื้นที่ประเทศไทย และเป็นฐานที่ตั้งใหม่ของแก๊งจีนเทาซึ่งรุกคืบ
อาณาเขตของ “ว้าใต้” กองกำลังชนกลุ่มน้อยที่อยู่ติดกับชายแดนไทยตั้งแต่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ถูกหมายหัวว่าเป็นเป็นแหล่งผลิตรอง และยังจัดตั้งกองกำลังคุ้มกันเส้นทางลำเลียงเข้าไทย มีการใช้โดรนในการเฝ้าติดตามเจ้าหน้าที่ทหารที่ลาดตระเวนสกัดกั้น เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับเปลี่ยนเส้นทางลำเลียงเข้าไทยแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็น “หนามยอกอก” ที่ฝ่ายไทยรู้แต่ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากประท้วง และเจรจา เพราะท่าทีของรัฐบาลเมียนมากับว้ายังอยู่แบบน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ากันอยู่ดี
ในขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหารของไทยก็ได้มีการปรับยุทธวิธีในการใช้เทคโนโลยีให้ทันต่อการขยับตัวของว้า โดยในช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ก็มีการตั้งหน่วยงานระดับอำนวยการในพื้นที่ภาคเหนือ มีงบฯ และการช่วยเหลือจากดีอีเอ สหรัฐ ในเรื่องของเทคโนโลยีในการตรวจจับ ประสานความร่วมมือกับทหาร แต่ไม่ได้ จัดหนัก-จัดเต็มเหมือนโมเดลการตั้ง “ฉก.399” เหมือนในอดีต
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นยังมองว่า อาจจะเป็นก้าวแรกในการกลับมาของมหาอำนาจฝ่ายตะวันตก ในการใช้กลไกภาครัฐของฝ่ายไทยเป็นฐานที่มั่นสกัดกั้นการขยายอำนาจของจีนในเมียนมา
และนี่ก็เป็นการวิเคราะห์อีกแง่มุมหนึ่งว่า การกระพือข่าวดังกล่าวอาจมาจากมหาอำนาจฝ่ายตะวันตก ผ่านกองกำลังชนกลุ่มน้อยภายใต้อิทธิพล เพื่อตีกันไม่ให้จีนย่ามใจขยายอิทธิพลผ่านว้า ที่มีฐานไต่เส้นเขตแดนและที่ล้ำเข้ามา 2 ฐาน มีกำลังพลนับพันนาย มีอาวุธหนักในการสถาปนากองทัพย่อมๆ ขึ้นมาได้ในย่านนี้
โดยใช้สถานการณ์ปราบปรามยาเสพติดของประเทศไทยมาเป็นตัวขับเคลื่อน ผสมผสานกับเรื่องฐานทหารว้าล้ำแดน เพื่อเสี้ยมให้ทหารไทยกับว้าเปิดฉากใช้อาวุธ นำไปสู่การปะทะในพื้นที่ตะเข็บชายแดน เข้าตามสูตรของการเปิดประตูให้มหาอำนาจฝ่ายตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐเข้ามา ทั้งความร่วมมือด้านการทหาร ด้านสิทธิมนุษยชนเต็มรูปแบบ หลังจากที่ถอนกำลังทั้งหน่วยข่าวและองค์กรนานาชาติที่เคยขลุกอยู่แถบนี้เมื่อหลายสิบปีก่อน ให้ฟื้นคืนชีพกลับมา
ยังไม่นับรวมประเด็นทางการเมียนมา ยังไม่ปล่อยตัว 4 ลูกเรือไทยที่ถูกจับพร้อมเรือประมง ซึ่งอ้างว่าล้ำน่านน้ำเข้าไปจับปลา โดยแจ้งมาว่ายังต้องรอการอนุมัติจากทางการเมียนมาตามขั้นตอน จนมีการนำไปขยายผลว่าอาจมีอะไรไม่ชอบมาพากล และมีความเกี่ยวโยงกับข่าวที่กระพือเรื่อง ว้าแดงในชายแดนภาคเหนือหรือไม่
หันกลับมาดูท่าทีของรัฐบาลไทยต่อนโยบายเมียนมา ซึ่ง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีของไทย แสดงจุดยืนในเวทีนานาชาติต่อบทบาทของไทยในการสนับสนุนสันติภาพในเมียนมา และย้ำว่าชายแดนของไทยสงบเรียบร้อยดี ไม่มีการรุกล้ำแดนของกองกำลังชนกลุ่มน้อย
ในขณะที่ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งได้รับฟังสถานการณ์จากผู้นำเหล่าทัพ ทั้งในการประชุมสภากลาโหม ลงพื้นที่ ครม.สัญจร และฟังบรรยายสรุปจากกองกำลังทหารในพื้นที่ ย้ำชัดว่าไม่มีการเผชิญหน้าระหว่างทหารไทยกับกองกำลังว้า ส่วนการแก้ไขปัญหา ใช้กลไกคณะกรรมการชายแดนในการพูดคุย หาข้อยุติ ไม่มีความขัดแย้งกัน
โดยกระทรวงกลาโหมแถลงย้ำว่า ฝ่ายทหารไทยไม่ได้มีการตั้งปืนใหญ่เพื่อตอบโต้การรุกล้ำของว้าแดงตามที่มีข่าวออกมา ข้อมูลที่ออกมาเป็น “เฟกนิวส์”
ท่าทีของรัฐบาลจึงทำให้ข่าวเบาลง สวนทางกลับการปลุกสถานการณ์ในโซเชียลมีเดียที่ดุเดือดเข้มข้น เข้าใกล้หนังสงครามเข้าไปทุกที
ซึ่งไทยที่เปรียบเหมือนอยู่ระหว่าง “เขาควาย” ของสถานการณ์ แต่ก็เสี่ยงได้รับผลกระทบจากผลพวงที่เกิดขึ้นได้ทุกหน้า
การกำหนดนโยบายทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องตกผลึก และสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นให้ได้ ป้องกันไม่ให้ถูกลากเข้าไปอยู่ในเกมความขัดแย้งของคนอื่นอย่างที่มีคนวาดภาพเอาไว้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บทบาท‘แม้ว’ด้อยค่า‘อิ๊งค์’ ‘สายล่อฟ้า’เรียกแขกรัฐบาล
อะไรที่เคยด่ารัฐบาลชุดที่แล้ว วันนี้ย้อนศรเข้าตัวหมด โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังคุกคามปอดและลมหายใจคนกรุง
'เสี่ยหนู' ย้อน 'โรม' จะให้ไปตรวจสอบลิงที่ไหน ยัน กฟภ. ขายไฟให้บริษัทที่รัฐบาลเมียนมารับรอง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่สื่อเมียนมา กล่าวพาดพิงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งน่าจะเป็นประเทศไทย ขายไฟฟ้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า การไฟฟ้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้าน
'ภูมิธรรม' โต้สื่อเมียนมาแฉไทย จ่ายไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยันตัดไฟแล้วตั้งแต่ มิ.ย. 67
'ภูมิธรรม' แจงปมสื่อเมียนมาแฉไทยจ่ายไฟให้คอลเซ็นเตอร์ ยันตัดไฟชายแดนแล้ว 2 จุด 'แม่ระมาด-แม่สอด' ตั้งแต่ มิ.ย. 67 ชี้เมียนมา-จีนต้องช่วยกันด้วย ซัด กฟภ. อ้างไม่รู้ความมั่นคงได้ยังไง
เลือกตั้งนายก อบจ.1 ก.พ. 47จว.“บ้านใหญ่”กวาดเรียบ
ถึงตอนนี้แม้เหลือเวลาอีกร่วมสัปดาห์เศษๆ แต่แวดวงการเมืองประเมินแล้วมีแนวโน้มสูงที่ผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. ผู้สมัครนายก อบจ.ที่มาจากสาย “บ้านใหญ่-ตระกูลการเมืองประจำจังหวัด” จะได้รับชัยชนะเข้าไปเป็นนายก อบจ.มากที่สุด แนวโน้มเกินครึ่งหนึ่ง
หญิงยูกันดา แฉนรกในเมียวดี ถูกบังคับทำงานสแกมเมอร์ทำสุขภาพย่ำแย่ ก่อนมาเฟียจีนปล่อยตัว
มาธา (นามสมมุติ) หญิงชาวยูกันดาผู้ตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ของเหล่ามาเฟียจีนในเมียวดี ได้รับการปล่อยตัวจากแหล่งอาชญากรรม Zhongfa ข้ามมายังอำเภอแม่สอด จ.ตาก
'โรม' ชวนจับตา 29 ม.ค.นี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถกตัดไฟส่งเมียนมาหรือไม่
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นค