‘ส้มบุกทั่วไทย’ ดาวกระจาย ล้วง 'ชิงแดน' ฝ่ายตรงข้าม

นับถอยหลังสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในวันที่ 1 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ซึ่งพรรคประชาชนได้เริ่มจุดแคมเปญ 'ส้มบุกทั่วไทย เปิดปราศรัยใหญ่ อบจ.ประชาชน' ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ลงพื้นที่หาเสียงกว่า 16 จังหวัด ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า ต้องได้ ‘1 นายก อบจ.ต่อ 1 ภูมิภาค’ เพื่อเน้นย้ำถึง ‘การออกมาใช้สิทธิ์’ ที่เป็น ‘โจทย์ที่ยากที่สุด’ ของพรรค

นำโดย ‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน สมุทรปราการ มุกดาหาร และสงขลา

ขณะที่ผู้ช่วยหาเสียง ‘ทิม’ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เตรียมขึ้นเวทีที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม ภูเก็ต นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และสุราษฎร์ธานี

ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขึ้นเวทีที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน นนทบุรี สมุทรปราการ มุกดาหาร นครนายก และปราจีนบุรี

พร้อมกันนี้ยังมีแกนนำพรรค และผู้ช่วยหาเสียงคนอื่นๆ กระจายตัวไปในแต่ละจังหวัด อาทิ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน, นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรค, นางสาวภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรค, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.

               รวมไปถึง นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และนายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล

การวางตัว ‘ผู้นำ’ ในแต่ละเวทีปราศรัย ก็ยังมีข้อให้ชวนสังเกต โดยเฉพาะการจับคู่ระหว่าง ‘เท้ง-ธร-ทิม’ ที่จะเห็นได้ว่าในหลายจังหวัด ‘ธนาธร’ เป็นเสมือนตัวกลางประกบคู่ไปกับ 2 แกนนำ แต่กลับไม่มีจังหวัดใดที่ ‘เท้ง’ กับ ‘ทิม’ ถูกวางตัวให้ปราศรัยเวทีเดียวกันเลย แม้จะยังไม่ชัดเจนว่าเหตุใด แต่ก็อาจมองได้ว่าเกรง ‘แสง’ ของอดีตหัวหน้า จะไปข่มหัวหน้าคนปัจจุบันหรือไม่

นอกจากนั้น ‘ติม’ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรค ก็เหมือนจะถูกผลักดันให้ขึ้นมามีบทบาทเด่นขึ้นด้วย เนื่องจากถูกวางตัวไปยังหลายจังหวัดในภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงเวที ‘นครนายก’ ที่พรรคดูจะมีโอกาสชิงชัยมากสุด ซึ่ง ‘ติม’ ก็เป็น 1 ใน 3 ขุนพลแม่เหล็ก เทียบชั้น 2 อดีตผู้นำ ‘ธร-ทิม’ ยิ่งขับเน้นภาพผู้นำพรรค ‘รุ่น 4’ ให้ชัดเจนยิ่งไปอีก

อย่างไรก็ตาม สำหรับวันที่ 29-30 ม.ค. สุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งก่อนวันหย่อนบัตร แต่ละฝ่ายย่อม ‘จัดเต็ม’ งัดอาวุธลับ ยกขุนพลลงไปตอกย้ำในพื้นที่ยุทธศาสตร์ให้ได้มากที่สุด

เห็นได้ชัดจากยุทธวิธีอันชัดเจนของ ‘เพื่อไทย’ ที่ใน 2 วันสุดท้าย ‘นายใหญ่’ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไปเยือน 2 จังหวัดสำคัญอีกครั้ง ทั้ง ‘เชียงราย’ และ ‘เชียงใหม่’ บ้านเกิด หลังได้ไปเหยียบโซนอีสานใต้ที่ขับเคี่ยวเข้มข้นกับ ‘ค่ายสีน้ำเงิน’ ก็ต้องกลับมาย้ำ 2 จังหวัดที่มีแนวโน้ม ‘นอนมา’ ประหนึ่งการตอกตะปูติดฝาโลง เพราะหวังจะกวาดหมด ‘ทุกพื้นที่ที่เพื่อไทยส่งลง’ ไม่งั้นคง ‘อาย’

ตรงกันข้ามกับพรรคประชาชน ที่กำหนดการเวทีปราศรัยใหญ่มีถึงเพียงวันที่ 28 ม.ค. ส่วนวันที่ 29-30 ม.ค. อาศัยการ ‘ขึ้นรถแห่’ ลงพื้นที่แบบ ‘ดาวกระจาย’ ในแต่ละจังหวัด ส่งคาราวานไปรอบนอก และในเมือง ตามกลยุทธ์ของ ‘ติ่ง’ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค ที่เน้นย้ำถึงการสื่อสารนโยบายให้ประชาชนเข้าใจอย่างถ้วนทั่ว จึงมีความจำเป็นต้องส่งผู้สมัครและทีมงานให้เข้าถึงประชาชนทุกหัวระแหง กระจายความรับรู้ในนโยบายอย่างใกล้ชิด

จากการได้ถอดบทเรียนความพ่ายแพ้ที่อุดรธานี จากการลงพื้นที่ฟังเสียงประชาชนที่ค่อนข้างเป็นในแง่บวก ก่อนภายหลังผลคะแนนจะฟ้องว่า เสียงที่ได้ยินเป็นเพียงส่วนน้อยของจังหวัดเท่านั้น เพื่อความไม่ประมาท จึงต้องกำชับทีมงานให้ลงรายละเอียดในการเดินพบประชาชนยิ่งขึ้น แผน ‘ดาวกระจาย’ 2 วันสุดท้าย ที่เป็นโอกาสสำคัญ

การประเมินสถานการณ์ของพรรคประชาชนในศึก อบจ. ครั้งนี้ มองไกลไปกว่าการเอาชนะ ‘เพื่อไทย’ แต่ในทุกสนามมักจะมีการแข่งขันกันระหว่าง 3 ฝ่าย เสมือนการจำลองสนาม ‘เลือกตั้งใหญ่’ ที่ต้องวัดฐานคะแนนกับ ‘พรรคการเมือง’ อื่นๆ ด้วย

ภารกิจของพรรคประชาชน จึงเป็นการ ‘ชิงแดน’ ออกมาจากฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าผลคะแนนออกมาจะสูสีกับพรรคเพื่อไทย แต่การชิงเอาคะแนนเสียงจากผู้แข่งขันฝ่ายที่ 3 ก็มีความสำคัญ และอาจเป็นตัวแปรตัดสินชนะหรือแพ้ได้

ทว่าจนถึงเวลานี้ พรรคประชาชนก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าจังหวัดใดที่มั่นใจจนมีโอกาส 90-100% มีเพียงการประเมินจากกระแสนิยมในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุด แต่คะแนนการเลือกตั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ก็ใช่ว่าจะแปรผันตรงกันเสมอไป

จังหวัดที่มีปัจจัยบวกมากกว่า จึงน่าจะเป็นจังหวัดขนาดเล็ก เช่น นครนายก ที่ผู้สมัครเป็นแชมป์เก่า, ตราด ซึ่งมีกระแสที่เข้มแข็ง ในทางกลับกัน จังหวัดที่ได้ สส.ครบทุกเขตอย่าง ‘สมุทรปราการ’ หรือ ‘ภูเก็ต’ ก็ไม่อาจมั่นใจชัยชนะได้ เนื่องจากข้อจำกัดสำคัญคือ ‘วันเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์’ อาจส่งผลกับจำนวนประชาชนที่จะมาใช้สิทธิ์ พลอยให้เปอร์เซ็นต์ของคะแนนขั้นต่ำที่จะเอาชนะได้ อาจพร่องลงหรือน้อยกว่าคะแนนในการเลือกตั้งระดับชาติ

คงต้องรอดูกันว่า ‘พรรคประชาชน’ จะสามารถช่วงชิงพื้นที่จาก ‘เครือข่ายเจ้าถิ่น’ ได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะไม่สามารถแบ่งเค้กใน ‘สนามท้องถิ่น’ ได้เลยสักที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จิรุตม์-มณฑลลุ้นผงาดกกต. สีน้ำเงินคุมเสียงข้างมาก7เสือ

เมื่อมีความชัดเจนทางการเมืองว่า “พรรคเพื่อไทย” จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการโหวตร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า 2569

'ภัยพิบัติการเมือง เมื่อกฎบริจาค กลายเป็นสนามแข่งพรรคใหญ่'

ในช่วงปลายปี 2568 ซึ่งประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างน้ำท่วมในหลายพื้นที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงแนวทางการบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

พลิกเกม"น้ำท่วม"สู้ศึกเลือกตั้ง สมรภูมิการเมืองช่วงชิงชัยชนะ

แรงกดดันของสังคมที่มีต่อ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี หลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พุ่งเป้าไปที่ความผิดพลาด บกพร่อง และล่าช้า ในการสั่งการเข้าช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

วิกฤตน้ำท่วมทำรัฐบาลรวน อาจป่วนถึงการแก้รัฐธรรมนูญ

วิกฤตในการบริหารสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ของภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมหาศาลแล้ว ยิ่งทำให้รัฐบาลสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาสาธารณชน

รัฐบาลอ่อนหัด โครงสร้างล้าหลัง ฉุดเชื่อมั่น'อนุทิน-ภท.'จมดิ่งกับน้ำท่วม

วิกฤตมหาอุทกภัยถล่ม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ สร้างความหายนะราวกับคลื่นสึนามิ ซากปรักหักพังของเมืองเสมือนวันสิ้นโลก

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)