“หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งในปี 70 เป็นไปได้อย่างมากว่าเราจะเห็นพรรคส้มกับพรรคแดงหวนกลับมาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง”
กระแสข่าวปรับ ครม.เขี่ยพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาล และเตรียมดึงพรรคพลังประชารัฐมา เสียบแทน รวมถึงกระแสสั่งสอนโดยริบโควตากระทรวงมหาดไทย
แต่ก็ถูกสยบข่าวทั้งปวง โดย แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เหตุผลทางยุทธศาสตร์ เพราะการจัดตั้งรัฐบาลนี้ถือเป็นไฟต์บังคับเพื่อขวางพรรคก้าวไกลมิให้มีอำนาจ โดยยอมแลกให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับบ้าน และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีนายกฯ ถึงสองคน
ถึงขั้นยอมตระบัดสัตย์ ปล่อยมือจากฝ่ายประชาธิปไตย และหันมาจับมือกับพรรคสองลุงคือ พรรคพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ
ก่อนเกิดความขัดแย้งจากปม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แหกดีลไฟเขียวให้ สว.ที่แต่งตั้งโดย คสช.ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ กระทั่ง เศรษฐา ทวีสิน ตกเก้าอี้นายกฯ
เป็นเหตุให้ นายใหญ่ ได้รับสัญญาณกล้าถีบลุงจากบ้านป่าฯ พ่วงพรรคพลังประชารัฐออกจากรัฐบาลได้ แถมยังผ่าครึ่งพรรคจาก 40 คน เหลือเพียง 20 คน ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอยู่เวลานี้
กระทั่งมีการเลือกนายกฯ ใหม่ และมีเสียงพรรคร่วมรัฐบาลเลือก แพทองธาร เป็นนายกฯ จำนวน 320 เสียง ด้วยการดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาเสียบแทน และด้วยจำนวนเสียงนี้ทำให้เกิดการคานอำนาจกันและกัน ทำให้รัฐบาลสงบ
การร่วมรัฐบาลไฟต์บังคับ การกระทบกระทั่ง เห็นกันเป็นเรื่องธรรมชาติของพรรคร่วมจำนวนมาก และส่วนใหญ่โฟกัสไปที่พรรคสีน้ำเงิน
แต่ที่ถูกโหมและเสี้ยมหนัก หลังกรณี ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศกลางสภา “ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน”
แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะบอกว่าผิดคิว แต่ก็เข้าทางกับฝ่ายที่ไม่พอใจ
ก็ใช้โอกาสนี้ยุยง นายใหญ่ และ นายกฯ เขี่ยให้พ้นจาก ครม.เพื่อสั่งสอน พร้อมมีข้อเสนอให้พรรคพลังประชารัฐมาแทนเสียบแทน
แถมยังมี 8 ตำแหน่งที่ว่างให้เสือหิวได้แย่งชิ้นปลามัน โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่ทุกคนหมายปอง เพราะกุมอำนาจฝ่ายปกครองส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกที่มีผลต่อการเลือกตั้งให้ฝ่ายตัวเองได้เปรียบ
แต่ นายกฯ อิ๊งค์ ประเมินแล้วไม่ขอเสี่ยง นอกจากพลังอำนาจพิเศษหนุนหลังเครือข่ายสีน้ำเงินแล้ว ตัวเลขในสภายังฟ้อง เพราะเสียงรัฐบาลจะปริ่มน้ำทันที
เนื่องจากในสภาขณะนี้มีจำนวน 439 เสียง กึ่งหนึ่งของสภาคือ 247 เสียง ส่วนเสียงของรัฐบาลมีประมาณ 322 เสียง ตัดเสียง ภท.ออกไป 69 เสียง ก็จะเหลือ 253 เสียงเท่านั้น
แม้จะดึงพรรคพลังประชารัฐที่มี บิ๊กป้อม ก็อาจมีปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นไม่รู้จบ ทั้งการต่อรองด้วยข้อเสนอราคาแพง อาทิ รองนายกฯ ควบกลาโหม หรือมหาดไทย อย่างน้อยๆ เป็นต้น
สิ่งสำคัญ นายกฯ เจนวาย จะทำใจยอมรับได้หรือไม่ เพราะเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับทำรัฐประหารรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนต้องหนีภัยไปต่างประเทศ
รวมถึงความลำบากของพ่อและอา ที่ต้องใช้ชีวิตยากลำบาก เป็นสัมภเวสีในช่วงรัฐบาล คสช. ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งเรื่องคดีความ และถูกยึดทรัพย์
ขณะที่นายกฯ เองก็ต้องถูกสังคมรุมถล่มอย่างหนักหากต้องเป็นนางแบก บิ๊กป้อม ใน ครม.อิ๊งค์ และกระทบต่อการเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งปี 70 อย่างแน่นอน
เพราะเพียงแค่น้ำจิ้ม ไม่ยึดสัจจะ อุดมการณ์การเมืองที่เคยสัญญาว่าจะไม่จับมือกับคนทำรัฐประหาร ที่ดีเลย์ไปสองปี ยังถูกด่ายับ หากรับเข้ามาจริงจะเจอศึกหนักขนาดไหน
ถึงเวลาไปหาเสียงจะไม่มีใครเชื่อ อย่างเช่นข้ออ้างให้ “ดูหน้าดิฉันไว้นะคะ” เพราะเมื่อดูแล้วต่อไปจะทำจริงได้หรือเปล่า คนเลือกต้องไปเสี่ยงดวงเอาเอง เหมือนการแทงหวยหรือเล่นการพนันในกาสิโนใช่หรือไม่
นอกจากนี้ ด้วยจำนวนเสียงลดลงไปมาก เท่ากับเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กอย่างพรรคประชาชาติ 9 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง หรือระดับกลางอย่างพรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง พรรคกล้าธรรม 24 เสียง ที่กำลังดูด สส.เข้ามาสังกัด และพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง
คิดขี่คอ ต่อรองผลประโยชน์กับ นายใหญ่ ถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า และ นายน้อย ทำเนียบรัฐบาลได้ตลอดเวลา หากอยากได้ตำแหน่งใหญ่กระทรวงเกรดดีขึ้น หรือไม่อยากทำนโยบายที่สุ่มเสี่ยง เช่น กาสิโน แก้รัฐธรรมนูญ เป็นต้น
ถือเป็นแรงกระเพื่อมภายในที่รัฐบาลยากจะเดินต่อ สุ่มเสี่ยงจะยุบสภาในไม่ช้า จึงเกิดคำถามว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมหรือไม่ในสภาวะไม่มีผลงาน กระแสนิยมติดลบ และล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ
สอดคล้องกับมุมมองของ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่ายังเขี่ยพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ และตัวเลข 320 เสียงในขณะนี้ ถือเป็นจำนวนที่สามารถลดแรงต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาลได้
“พูดกันตรงไปตรงมา มันมีคณิตศาสตร์การเมือง เราเห็นตัวเลขกันอยู่ว่าถ้าเอาพรรคนั้นออกจะเหลือตัวเลขเท่าไหร่ ไม่มีรัฐบาลไหนที่เสี่ยงจนถึงขั้นไปตายเอาดาบหน้า ทางการเมืองถือว่าเสี่ยงเกินไป” รองนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยกล่าว
ขณะที่ ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ที่มีกระแสข่าวว่า พปชร.จะไปร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้พรรคไม่คิดที่จะร่วมรัฐบาล เพราะเรามีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่เห็นด้วยกับกาสิโน วันนี้รัฐบาลไม่มีความพร้อมในการบริหารประเทศแล้ว เรือใกล้จะล่ม เราเห็นแบบนี้จะไปขึ้นเรือทำไม ขึ้นไปก็บ้าแล้ว
รองหัวหน้าพรรคบิ๊กป้อมยังบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นายทักษิณรู้แล้วว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่มิตรทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปล่อยให้ภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้านได้ เพราะหากปล่อยไป รัฐบาลนับวันถอยหลังได้เลย ซึ่งตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้กลัวตัวเลข สส.ที่ปริ่มน้ำ แต่กลัวการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย
“หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งในปี 70 เป็นไปได้อย่างมากว่าเราจะเห็นพรรคส้มกับพรรคแดงหวนกลับมาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง”
ขณะที่ รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์รัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบูรพา เห็นว่า รัฐบาลผสมจะไม่แตกหักง่ายๆ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่กล้าเขี่ยพรรคภูมิใจไทยออก และสีน้ำเงินก็ยังมีแต้มต่อในเครือข่ายอำนาจเก่าอยู่
“จะปรับ ครม.ก็แค่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคเล็ก ไม่แตะภูมิใจไทย เว้นแต่มีของไปแลกจึงอาจเกิดการสลับตำแหน่งได้”
ด้วยคณิตศาสตร์ทางการเมือง อำนาจเก่าพลังแฝงหนุนหลัง จึงต้องเก็บพรรคสีน้ำเงินไว้ข้างกายก่อน ส่วนอนาคตสถานการณ์เปลี่ยน พรรคแดงจะหันไปจับมือกับพรรคส้มหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชำแหละ! 'อิ๊งค์' ทัวร์อังกฤษ ในฐานะอะไร
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "อุ๊งอิ๊ง ไปอังกฤษ ในฐานะใด" โดยระบุว่า
สัญญาณชัดล้มดีลรัฐบาลพท. 'สว.น้ำเงิน'รุกตั้ง“องค์กรอิสระ”
สถานการณ์ นิติสงคราม ระหว่าง สีแดง กับ สีน้ำเงิน ผ่านเป้าหมายแบ่งเค้กในองค์กรอิสระ หลังพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 138 สว. เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย มีอำนาจเห็นชอบ ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช. ) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฯลฯ ที่ให้คุณให้โทษทางการเมืองทางการเมืองได้
ฟันธง! สมศักดิ์รอดแน่ แต่ทักษิณไม่รอด
“นันทเดช เมฆสวัสดิ์” ฟันธง “สมศักดิ์จำเป็นต้องดิ้นถึงจะรอด” แต่เตือน “ทักษิณ” หมดทางเลี่ยง ชี้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากมายปิดไม่มิด โยงชั้น 14 รพ.ตำรวจเป็นปริศนาประชาชนจับตา พร้อมย้ำ
สองศาล สองจังหวะ 'ยึดทรัพย์-บังคับโทษ' กับการเมืองใต้ร่มอำนาจตระกูลชินฯ
แม้การเมืองไทยจะเปลี่ยนผ่านรัฐประหารและการเลือกตั้งมาหลายรอบ
สมช.แจงเร่งคลอด 6 นโยบายหลักดับไฟใต้
'โรม' เชิญหน่วยงานถกสถานการณ์ชายแดนใต้ หลังกลุ่มเปราะบางถูกพุ่งเป้า ด้าน 'เลขาฯ สมช.' แจงเร่งคลอดนโยบายพัฒนา 6 แนวทาง เน้นรักษาความปลอดภัย-ลดการทหารเชิงรุก
'รังสิมันต์' สอน 'อุ๊งอิ๊ง' ทำให้ให้สมเป็นนายกฯ หลังแจงปมซื้อขายงูเห่าเหมือนย้ายที่ทำงาน
'โรม' ซัด 'อิ๊งค์ ควรทำตัวให้สมเป็น 'นายกฯ' หลัง ยอมรับพฤติกรรม 'ซื้อขายงูเห่า' ทำการเมืองเสื่อมทั้งระบบ ลั่น 'พท.' ตีแต่หนู สวนกลับไม่รู้ภายใน ปชน. ถามทำไมต้องทำแบบไม่แคร์สัญญา ปชช.