'คลัง' ยันค้ำเงินกู้กองทุนน้ำมันไม่เป็นปัญหาแต่แนะให้เป็นทางเลือกสุดท้าย

“คลัง” ยันค้ำเงินกู้อุ้มกองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ไม่กระทบฐานะการคลัง สั่งทำแผนบริหารรายรับรายจ่ายให้ชัดเจน พร้อมแนะกู้เงินควรเป็นทางเลือกสุดท้าย

18 ส.ค. 2565 – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง กล่าวถึงกรณีการออกพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ…. และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด เพื่อให้กระทรวงการคลังเข้าไปค้ำประกันเงินกู้ให้ สกนช.ซึ่งเป็นข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน เพื่อดูแลเสถียรภาพบทบาทหน้าที่ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยก่อนหน้านี้มีแผนการกู้เงิน 3 หมื่นล้านบาท แต่การไปขอเจรจากู้เงินกับสถาบันการเงินยังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงพลังงานมองว่าหากกระทรวงการคลังเข้ามาค้ำประกันการกู้เงินให้ สถาบันการเงินก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ไม่ว่ากระทรวงการคลังจะเข้ามาค้ำหรือไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว การกู้เงินของ สกนช. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐก็ถือว่าเป็นหนี้สาธารณะอยู่แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องกรอบระยะเวลาการกู้เงินนั้น มองว่า การกู้เงินจะต้องดูการบริหารรายรับรายจ่ายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เรื่องนี้กระทรวงการคลังก็ได้มีข้อเสนอแนะไปยัง สกนช. ให้มีการจัดทำแผนในส่วนนี้ให้ชัดเจน โดยมองว่าการกู้เงินควรจะเป็นทางเลือกสุดท้าย

นายอาคม กล่าวอีกว่า การเข้าไปค้ำประกันการกู้เงินให้กับ สกนช. นั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นภาระงบประมาณ แต่เป็นเรื่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องไปบริหารจัดการรายรับรายจ่ายเพื่อมาชำระเงินกู้คืนให้กับสถาบันการเงิน ผลกระทบต่อฐานะการคลังก็ไม่มี กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นผู้กู้ก็ต้องไปชำระเอง และไม่จำเป็นที่จะต้องกู้เงินทันที

“ยังบอกไม่ได้ว่าการค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว จะส่งผลให้หนี้สาธารณะมีสัดส่วนต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในฐานะที่เป็นผู้กู้ ต้องชำระเงินกู้ให้หมดภายใน 7 ปี ซึ่งมีข้อเสนอว่าไม่ได้กู้ครั้งเดียวหมด 1.5 แสนล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารรายรับรายจ่ายของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย” นายอาคม กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กไทยสร้างไทย ชี้ตั้งรัฐบาลใหม่จบเร็ว ช่วยเดินหน้าเศรษฐกิจ

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า “วิกฤตยังคงอยู่ แต่โอกาสจะหายไป หากไม่ได้รัฐบาลใหม่โดยเร็ว”

รัฐบาลโชว์ตัวเลขภาระหนี้ประเทศยังอยู่ที่ 61.30% ไม่เกินเพดานกำหนด!

ครม.รับทราบรายงานสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ 31 มีนาคม 2566 อยู่ที่ 61.30% ชี้ผลพวงหลักมาจากภัยโควิด ระบุความน่าเชื่อของไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ ภาคการคลังสาธารณะยังคงแข็งแกร่ง

รฟท. เล็งชงครม.เคาะกู้เงิน 1.8 หมื่นล้านบาทเสริมสภาพคล่อง

การรถไฟฯ เตรียมชง ครม.อนุมัติกู้เงินเสริมสภาพคล่อง 1.8 หมื่นล้านบาท หนุนดำเนินกิจการปีงบประมาณ 2567 หลังประมาณการณ์รายรับรายจ่ายจ่อติดลบ เหตุยังมีภาระชำระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายเงินกู้ครบกำหนด

'อาคม' เชื่อตั้งรัฐบาลใหม่ช้าไม่กระทบเศรษฐกิจ

“อาคม” เชื่อตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าไม่กระทบเศรษฐกิจ ยันนักลงทุนมั่นใจเสถียรภาพการเงิน-การคลังประเทศ ชูเป้าลงทุนชัดเจน โยนเคาะงบประมาณปี 67 พร้อมจี้ทำนโยบายการคลังแบบมุ่งเป้า เน้นกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อน

'อาคม' การันตีไตรมาส 2 ส่งออกฟื้นยันฐานะการเงิน-คลังยังแจ่ม!

“อาคม” การันตีไตรมาส 2 ส่งออกฟื้น ฟุ้งจัดเก็บรายได้ 5 เดือนทะลุเป้า การันตีฐานะการเงิน-การคลังประเทศยังแกร่ง จับตาสถานการณ์แบงก์ต่างชาติล่มใกล้ชิด พร้อมแจงให้รอดูไปก่อน หลังพรรคการเมืองลุยออกนโยบายโหมใช้เงินเกินเบอร์