'ศรีสุวรรณ' แนะ 'ชัชชาติ' อย่าอุทธรณ์คดีรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะแพ้แน่นอนจากการทำผิดสัญญา ขีนทำเงินต้นและดอกเบี้ยพอกเป็นหางหมูเมื่อใด เจอทวงถามแน่
08 ก.ย.2565 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินสำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ค้างชำระให้กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) สำหรับส่วนต่อขยายที่ 1 เป็นจำนวนเงินต้น 2,199 ล้านบาท ดอกเบี้ย 149.5 ล้านบาท และส่วนต่อขยายที่ 2 เงินต้น 8,786 ล้านบาท ดอกเบี้ย 619.65 ล้านบาท รวม 11,754.65 ล้านบาท โดยชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุดนั้น
การที่ผู้ว่าฯชัชชาติ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กทม.เตรียมอุทธรณ์ หลังศาลปกครองกลางสั่ง กทม. ร่วมจ่ายหนี้บีทีเอสกว่าหมื่นล้าน โดยให้เหตุผลว่า ส่วนต่อขยายที่ 1 ก็ยังค้างอยู่ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะว่าเขาจะเอามูลหนี้เป็นส่วนของการแปลงสัญญาสัมปทาน ส่วนต่อขยายที่ 2 ยังมีภาระกับกรุงเทพธนาคม (KT) เป็นแค่หนังสือมอบหมายงาน ทำให้ยังมีข้อกังวลว่า กทม.มีอำนาจจ่ายจริงหรือเปล่า เพราะไม่ได้มีระบุตัวเลขหรือสัญญาที่ชัดเจนเหมือนส่วนต่อขยายที่ 1 โดยจะเอาประเด็นนี้ไปชี้แจงในการยื่นคำอุทธรณ์
ทั้งนี้ในคำพิพากษาของศาลปกครองกลางก็ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน ซึ่งในที่สุดใครจะเป็นผู้จ่ายนั้น สุดท้ายความรับผิดชอบก็ต้องมาตกอยู่ที่ กทม.อยู่ดี และก็ต้องใช้เงินที่มาจากงบประมาณของ กทม.ทั้งสิ้น การยื่นอุทธรณ์ทำให้คดีดังกล่าวถูกยื้อระยะเวลาออกไปอย่างน้อย 1 ถึง 3 ปี มิใช่ว่าจะสามารถพลิกคดีให้ชนะก็หาได้ไม่ เพราะเป็นเรื่องของการผิดสัญญาโดยตรง
แม้ท่านผู้ว่าฯจะขอให้ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยในประเด็นปัญหาเพื่อความชัดเจน แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วไม่น่าจะคุ้มกับการที่จะต้องเสียดอกเบี้ยตลอดเวลา ทุกวินาที ทุกวัน ทุกเดือน ทุกปี จนกว่าคดีถึงที่สุด ตามที่ศาลระบุไว้คือ ตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ขั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ซึ่งประกาศโดยธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับเงินกู้สกุลเงินบาทบวก 1% ต่อปี ซึ่งถ้ายื้อไป 1-3 ปี ดอกเบี้ยจะบวกเพิ่มอีกปีละ 769.15 ล้านบาท ลองคิดดูว่าคุ้มหรือไม่
กรณีดังกล่าว หากไม่เชื่อคำแนะนำ สุดท้าย กทม.ก็ต้องจ่ายเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมดให้แก่เอกชนในที่สุดแล้ว ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพิ่มขึ้นจากการที่ท่านผู้ว่าฯ กทม.สั่งให้อุทธรณ์คดีนั้น ต้องมีผู้รับผิดชอบ จะผลักเป็นภาระของ กทม.ทั้งหมดเลยนั้น หาชอบด้วยไม่ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อถึงวันนั้น สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะต้องทวงถามความรับผิดชอบถึงท่านผู้ว่าฯ และผู้บริหารกรุงเทพธนาคมทุกคนที่จะต้องร่วมรับผิดชอบในดอกเบี้ยจ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นนี้ด้วย เพราะถือว่าบอกกล่าวกันแล้ว ไม่เชื่อก็ติดตามดูกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กทม.แนะเรื่องดัชนีความร้อนระดับไหนมีผลต่อร่างกาย
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์เนื้อหาพร้อมกราฟฟิก
กทม.แจ้งเตือนค่าความร้อนอยู่ในเกณฑ์อันตรายมาก! งดกิจกรรมกลางแจ้งเด็ดขาด
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหาสั้นๆ
คนกรุงทนร้อนอย่างเดียว! อากาศอยู่ในเกณฑ์ดี
เพจกรุงเทพมหานคร โพสต์กราฟฟิกพร้อมเนื้อหา
'เศรษฐา' ควง 'ภริยา' เดินตลาดเช้าหัวหิน คุยสงกรานต์ปีนี้คึกคัก
“เศรษฐา“ ควง “ภริยา” เดินตลาดเช้าหัวหิน ใส่บาตรพระ โอ่ สงกรานต์เศรษฐกิจคึกคัก ลั่น ปีหน้าดีกว่านี้ ย้ำไตรมาส4 ได้เงินหมื่นแน่ พร้อมโพสต์ ฝากปชช. ให้ความรักเวลาคนในครอบครัว
กทม.ปิดกั้นแคดเมียม คนตากค้านย้ายกลับ!
“ชัชชาติ” บอกอย่าตระหนกเรื่องกากแคดเมียมที่บางซื่อ