รัฐบาลปลื้มผลประเมินเงินกู้โควิด19 เกิดความคุ้มค่า 3.24 เท่า

คปก.ประเมินการใช้จ่ายเงินกู้ เผย 19 โครงการภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจ 2.65 ล้านล้านบาท เกิดความคุ้มค่า 3.24 เท่า

28 ก.ย.2565 - น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการวางกลไกติดตามประเมินผลของโครงการแผนงานตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งในแง่ของผลต่อเศรษฐกิจ รวมถึงรวบรวมปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ทุก 6 เดือน โดยมีคณะกรรมการประเมินการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด (คปก.) กระทรวงการคลัง ดำเนินการประเมิน ซึ่งในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 27 ก.ย. คปก.ได้รายงานผลประเมินโครงการ/แผนงานภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน พ.ศ 2563 (พ.ร.ก.กู้เงิน พ.ศ.2563) รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 1 โดยได้คัดเลือกโครงการ/แผนงานเพื่อดำเนินการประเมินจากโครงการที่มีขนาดใหญ่ กระจายทั่วประเทศ วงเงินกู้สูงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมีนัยสำคัญ 19 โครงการ วงเงินดำเนินการรวม 8.05 แสนล้านบาท เทียบกับ พ.ร.ก.กู้เงิน พ.ศ.2563 ที่มีวงเงินรวม 1 ล้านล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า การประเมินระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย.2565 พบว่าทั้ง 19 โครงการ มีผลการเบิกจ่ายรวม 7.95 แสนล้านบาท คิดเป็น 98.84% ของวงเงินทั้ง 19 โครงการ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก และสามารถสร้างมูลค่าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จำนวน 2.65 ล้านล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐ จำนวน 5.12 แสนล้านบาท เกิดความคุ้มค่าต่อการใช้จ่ายงบประมาณ 3.24 เท่า

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ยังมีการประเมินแยกตามแผนงาน 3 แผนงาน ประกอบด้วย แผนงานที่ 1 แผนงาน โครงการ ที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-19 จำนวน 9 โครงการ อาทิ โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชยและเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของ อสม. และ อสส. ในการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโควิด19 ในชุมชน ระยะที่ 1-4 โครงการค่าบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โครงการจัดหาเครื่องช่วยหายใจเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด19 เป็นต้น กรอบวงเงินรวม 3.37 หมื่นล้าน มีการเบิกจ่าย 3.36 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 99.76% ของกรอบวงเงิน มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก สามารถสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยการลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและมีความเชื่อมั่นต่อการให้บริการและการรักษาพยาบาล

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า แผนงานที่ 2 แผนงาน โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยาและชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 6 โครงการ อาทิ โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชย ให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 โครงการเราชนะ เป็นต้น กรอบวงเงินรวม 6.36 แสนล้านบาทเบิกจ่ายรวม 6.34 แสนล้านบาท คิดเป็น 99.69% ของกรอบวงเงิน มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก สร้างมูลค่าต่อเศรษฐกิจ จำนวน 2.09 ล้านล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐ จำนวน 4.05 แสนล้านบาท รวมทั้งสามารถชะลอการเกิดหนี้เสียและเกิดการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของ แผนงานที่ 3 แผนงาน โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการกำลังใจ และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่1-3 วงเงินรวม 1.35 แสนล้านบาท เบิกจ่าย 1.27 แสนล้านบาท คิดเป็น 94.60% สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม 5.55 แสนล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐ จำนวน 1.07 แสนล้านบาท รวมทั้งลดความตึงเครียดของประชาชน ลดการเลิกการจ้างงาน เพิ่มทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และส่งเสริมการเป็นสังคมไร้เงินสด

อย่างไรก็ตาม การประเมินด้านประสิทธิภาพและด้านความยั่งยืนของแผนงานที่3 อยู่ในระดับพอใช้ เนื่องจากโครงการกำลังใจไม่ได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้และโครงการกำลังใจและโครงการคนละครึ่งมีลักษณะเป็นการช่วยเหลือหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะตอกย้ำแนวปฏิบัติจัดระเบียบสังคม

'อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะวางแนวปฏิบัติคณะทำงานบูรณาการมหาดไทย – ตำรวจ ขับเคลื่อนจัดระเบียบสังคม ปราบปรามผู้กระทำผิด ชี้ความมั่นคงคือหัวใจเมื่อประชาชนเชื่อมั่น สังคมปลอดภัยแล้วเศรษฐกิจจะตามมา

รัฐบาลชวนเจ้าของรถตรวจเช็กสภาพฟรีก่อนซิ่งช่วงสงกรานต์

รัฐบาลเชิญชวนเจ้าของรถตรวจเช็กสภาพรถให้พร้อมก่อนเดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ฟรี ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศตั้งแต่บัดนี้ถึง 15 เม.ย.2567

ข่าวดี!ขยายเวลาลูกจ้างลาคลอดบุตรได้ค่าจ้างจาก 90 วันเป็นไม่เกิน 98 วัน

'คารม' เผย ครม.เห็นชอบ กำหนดให้ลูกจ้างมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 90 วัน เป็นไม่เกิน 98 วัน

ไทยไฟเขียวให้แรงงานเพื่อนบ้านกลับบ้านเกิดเล่นน้ำสงกรานต์!

ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง เพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2567

มาแล้ว! ธรรมนัสเตรียมดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง!

'เกณิกา' เผยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเสนอโครงการ 'ปุ๋ยคนละครึ่ง' เข้า นบข.-ครม.ช่วยเกษตรกรกว่า 4.68 ล้านครอบครัว ใช้ปุ๋ยคุณภาพราคาถูกลดต้นทุน