โฆษกรัฐบาล เผย 3 ธนาคารรัฐ 'ออมสิน-ธอส.-ธกส.' ไม่ทอดทิ้งประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย เร่งออกมาตรการช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่
14 ต.ค.2565- นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า หลังจากที่ประเทศไทยต้องประสบกับพายุโนรูที่ส่งผลให้มีฝนตกหนัก และในบางพื้นที่มีฝนตกหนักมากทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ส่งผลกระทบต่อที่อยู่อาศัย และการประกอบอาชีพของประชาชนเป็นบริเวณกว้างในหลายจังหวัดนั้น พล.อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ที่เป็นสถาบันการเงินภาครัฐ ดังนั้น ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายการดูแลและช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร่งด่วนและทันท่วงทีของรัฐบาล ดังนี้
นายอนุชา กล่าวว่า 1. ธนาคารออมสิน มีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบภัยให้ความช่วยเหลือลูกหนี้สามารถพักชำระหนี้เงินต้น โดยเลือกชำระเฉพาะดอกเบี้ย 10% - 100% และกรณี Flat Rate ลดการชำระเงินงวด 50% ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ขณะเดียวกัน ธนาคารฯ ยังให้ประชาชนที่ประสบภัยกู้เงินฉุกเฉิน สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเหตุน้ำท่วม/ภัยพิบัติ รายละไม่เกิน 50,000 บาท ไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก หลังจากนั้นคิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.85 ต่อเดือน (Flat Rate) ชำระเงินเป็นรายเดือน 3-5 ปี โดยปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก
นายอนุชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังให้สินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ เพิ่มเติมสำหรับลูกค้าเดิมและประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบเพื่อซ่อมแซมต่อเติมที่อยู่อาศัยส่วนที่เสียหายได้ถึง 100% ของราคาประเมิน โดยดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = 3.49% (MRR-2.755%) และปีที่ 4 เป็นต้นไป = 4.99% ต่อปี (MRR-1.250%) และสินเชื่อบุคคลแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายอเนกประสงค์ในการบรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติ วงเงินกู้สูงสุดไม่เกินรายละ 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-3 = 3.99% (MRR-2.255%) ปีที่ 2 = 4.99% (MRR-1.255%) ปีที่ 3 เป็นต้นไป = 5.745% และ สินเชื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ลูกค้าสินเชื่อธุรกิจของธนาคาร วงเงินกู้สูงสุด 10% ของวงเงินกู้เดิมแต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 5 ปี โดยปลอดชำระเงินต้น 1 ปี อัตราดอกเบี้ยปีแรก 3.50% ปีที่ 2 เป็นต้นไป = MLR (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยธนาคาร MRR = 6.245% และ MLR = 6.150% ต่อปี) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GSB Contact Center โทร. 1115
นายอนุชา กล่าวว่า 2. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำ “มาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2565” กรอบวงเงินรวม 1,000 ล้านบาท โดยพิจารณาตามระดับความเสียหาย ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ 1) สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่อยู่ระหว่างการใช้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (MRR -0.50%,MRR -1.00% หรือ MRR เป็นต้น) กรณีหลักประกัน (ที่อยู่อาศัยที่จดจำนองกับธนาคาร) ของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติสามารถ “ขอลดเงินงวด 50%” จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 3% ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน 2) สำหรับลูกค้ากู้ใหม่ หรือลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ที่หลักประกันของตนเองหรือคู่สมรสได้รับความเสียหายจากการประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ สามารถขอกู้เพิ่ม หรือกู้ใหม่ เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิม หรือกู้ซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย วงเงินให้กู้ต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท ต่อ 1 หลักประกัน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้คงที่ 3% ต่อปี นาน 1 ปี ปีที่ 2 – 3 อัตราดอกเบี้ย MRR –3.15% ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับ 3% ต่อปี) และปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้กรณีลูกค้าสวัสดิการ ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR -1% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป ดอกเบี้ยเท่ากับ MRR – 0.50% ต่อปี พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมในรายการที่เกี่ยวข้องให้ทั้งหมด ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าธรรมเนียมการขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการกู้ทุกกรณีหลังจากนิติกรรมแล้วในรายการที่เกี่ยวข้อง
3) ลูกค้าสถานะ NPL ที่หลักประกันได้รับความเสียหาย ให้ประนอมหนี้ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี 6 เดือน โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และไม่ต้องชำระเงินงวด จากนั้นเดือนที่ 7-18 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน และเมื่อครบระยะเวลาประนอมหนี้ให้กลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
4) ลูกค้าสถานะ NPL ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ ให้ประนอมหนี้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือนแรก และผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาท (ตัดเงินต้นทั้งหมด) จากนั้นเดือนที่ 7-12 อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี โดยให้ผ่อนชำระเงินงวดไม่น้อยกว่าดอกเบี้ยรายเดือน บวกอีก 100 บาท และเมื่อผ่อนชำระครบระยะเวลาประนอมหนี้ ให้ลูกค้ากลับมาใช้อัตราดอกเบี้ยตามสิทธิเดิมก่อนที่จะใช้มาตรการนี้
5) ลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ให้ผ่อนชำระโดยใช้อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ตลอดระยะเวลาที่คงเหลือ (พิจารณาเป็นรายกรณี)
6) ลูกค้าสถานะบัญชีปกติและสถานะ NPL หากที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้ ให้ปลอดหนี้ในส่วนของราคาอาคาร และให้ผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือเท่านั้น (พิจารณาเป็นรายกรณี)
และ7) พิจารณาสินไหมเร่งด่วน (Fast Track) สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ รวมถึงกรณีน้ำท่วม หรือ ลมพายุ พิจารณาจ่ายค่าสินไหมให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประสบภัยทุกรายอย่างเร่งด่วนเป็นกรณีพิเศษ โดยผู้เอาประกันยื่นเอกสารแจ้งความเสียหาย จ่ายตามความเสียหายจริงตามภาพถ่าย รวมทุกภัยธรรมชาติไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี และสำหรับลูกค้าที่มีกรมธรรม์เริ่มความคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 เพิ่มความคุ้มครองภัยธรรมชาติตามความเสียหายจริงจากหลักฐานภาพถ่าย แต่ไม่เกินภัยละ 30,000 บาทต่อปี
นายอนุชา กล่าวอีกว่า ลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการที่ 1-6 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565 และมาตรการที่ 7 ติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ
นายอนุชา กล่าวว่า 3. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จัดมาตรการลดภาระหนี้เดิมสำหรับลูกค้าที่มีสถานะหนี้ปกติผ่านมาตรการ ดังนี้ 1) การปรับปรุงโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ธนาคารจะพิจารณาขยายระยะเวลาการชำระหนี้พร้อมกำหนดชำระหนี้ใหม่ตามศักยภาพที่แท้จริง แต่ไม่เกิน 20 ปี 2) จ่ายดอก ตัดต้น เมื่อลูกค้าส่งชำระหนี้ ธนาคารจะแบ่งภาระการตัดชำระหนี้ตามสัดส่วนต้นเงินและดอกเบี้ยของจำนวนเงินที่ลูกค้าส่งชำระ 3) ชำระดีมีคืน กรณีลูกค้ามาชำระหนี้ถึงกำหนด จะได้รับการคืนดอกเบี้ยร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริงไม่เกิน 2,000 บาทต่อราย เพื่อช่วยเหลือและบรรเทาภาระทางการเงินแก่ลูกค้าทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565
นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังจัดทำมาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปใช้สร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร เครื่องมือ เครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการฟื้นฟูการผลิตที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติหรือภัยพิบัติ และลดปัญหาการก่อหนี้นอกระบบ วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและค่าใช้จ่ายจำเป็นฉุกเฉิน เพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกร เช่น ค่าอุปโภคและบริโภคที่จำเป็น อัตราดอกเบี้ย 0% 6 เดือนแรก เดือนที่ 7 คิดอัตราดอกเบี้ย MRR วงเงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท 2) โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนและทรัพย์สิน ค่าซ่อมเครื่องมือและอุปกรณ์การเกษตรที่ได้รับความเสียหาย ค่าใช้จ่ายในการทำการเกษตรรอบใหม่ วงเงินรายละไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR-2 สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 555 0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
“จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งด้านการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพ โดยมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของทั้ง 3 ธนาคารรัฐดังกล่าว จะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าของธนาคารได้ตามนโยบายของรัฐบาล จึงขอให้ประชาชน เกษตรกร และลูกค้าธนาคาร มีความมั่นใจว่ารัฐบาลโดยสถาบันการเงินภาครัฐพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบัน” นายอนุชา กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธอส. ยิ้ม ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร ระดับ AAA 4 ปีซ้อน
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผย ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรในระดับ AAA เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน และแนวโน้มอันดับเครดิตของ ธอส. ที่ระดับคงที่ (Stable) สะท้อนความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงินของธนาคาร
ฉัตรชัยขานรับนโยบายรัฐบาล ลุยโครงการหนี้นอกบอก ธ.ก.ส.
ธ.ก.ส. ขานรับนโยบายรัฐบาล ขับเคลื่อนภารกิจแก้หนี้นอกระบบตามวาระแห่งชาติ ผ่านโครงการหนี้นอกบอก ธ.ก.ส.
ครม.ไฟเขียวปล่อยสินเชื่อ 5.5 หมื่นล้าน เดินหน้า 2 มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ 2 มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือชาวนาในการดูดซับปริมาณข้าวออกจากตลาด แบ่งเป็น
'ธอส.' เตรียมวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ดอก 0% 3 เดือน ผ่อนเริ่มต้น 3,300 บาท
“ธอส.” เตรียมกรอบวงเงิน 4.5 หมื่นล้านบาท จัดทำ 3 ผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ 0% นาน 3 เดือนแรก ชูผ่อนชำระเงินงวดล้านละ 3,300 บาทต่อเดือน หนุนคนไทยมีบ้านเป็นของตัวเอง
ธ.ก.ส. เกาะติดมาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อยในจังหวัดสระบุรี
ธ.ก.ส. ติดตามความคืบหน้ามาตรการพักชำระหนี้ลูกค้ารายย่อยตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี โดยเปิดบูธให้บริการครบวงจร ทั้งการแจ้งความประสงค์และตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชัน “BAAC Mobile” การประเมินศักยภาพในการสร้างรายได้และความสามารถในการชำระหนี้
ธอส. เผย 9 เดือนแรก ปล่อยสินเชื่อ 1.74 แสนล้านบาท
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เผยผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ถึง 138,184 บัญชี 174,272 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของเป้าหมายในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 235,480 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 มียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,669,492 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 1,721,295 ล้านบาท เงินฝากรวม 1,475,077 ล้านบาท หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 70,809 ล้านบาท คิดเป็น 4.24% ของยอดสินเชื่อรวม ตั้งสำรองเตรียมพร้อมรองรับหนี้เสียจำนวน 141,808 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 200.27% พร้อมตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ในระดับปัจจุบันต่อไป