19 ธ.ค. 2565 – เศรษฐกิจการเมืองโลกช่วงสี่ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนไปอย่างไม่เคยมีก่อน ทําให้โลกขณะนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและยากที่จะคาดเดา บทความวันนี้จะส่งท้ายปี 2022 โดยสร้างความเข้าใจว่าอะไรกําลังเกิดขึ้นในเศรษฐกิจการเมืองโลก และพูดถึงสามประเด็นที่ควรติดตามที่จะมีอิทธิพลอย่างสําคัญต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปีหน้า นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
ช่วงสี่ปีที่ผ่านมา มีสามเหตุการณ์ หรือ shocks ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและได้เปลี่ยนเศรษฐกิจและการเมืองโลกไปแบบไม่เหมือนเดิม นั่นคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน การระบาดของโควิด19 และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน พลวัตของทั้งสามช็อคนี้ทำให้เศรษฐกิจและการเมืองโลกจนถึงขณะนี้ยังไม่นิ่ง กําลังเปลี่ยนแปลง และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สะท้อนภาวะที่โลกกําลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านอำนาจและพลวัตของการเปลี่ยนผ่านอำนาจกําลังกระทบเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างไม่เคยมีมาก่อน ผ่านความไม่แน่นอนที่ได้เกิดขึ้น นอกจากนี้ ความตึงเครียดในภูมิศาสตร์การเมืองโลก เช่น สงครามรัสเซียกับยูเครน ก็สร้างผลกระทบและความไม่แน่นอนให้มีมากขึ้น ทําให้เศรษฐกิจการเมืองโลกขณะนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พูดได้ว่ามากสุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา
ความไม่แน่นอนเหล่านี้คงมีต่อไปในปีหน้า มากขึ้นหรือลดลงจะขึ้นอยู่อย่างสำคัญกับพัฒนาการในสามเรื่องที่จะเขียนต่อไปนี้ที่จะมีบทบาทต่อเศรษฐกิจการเมืองโลกในปีหน้า
ประเด็นแรก คือ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมหาอำนาจหลักของโลก คือสหรัฐกับจีน ต้นเหตุสำคัญของความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจการเมืองโลกที่มีมากขณะนี้ ส่วนหนึ่งและเป็นส่วนใหญ่มาจากความขัดแย้งและการแข่งขันระหว่างสหรัฐกับจีน เศรษฐกิจอันดับหนึ่งและอันดับสองของโลก ที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้นๆ เพราะชัดเจนว่าสหรัฐต้องการตีกรอบ เพื่อหยุดการเติบโตและการขยายอิทธิพลของจีนทั้งในทางเศรษฐกิจ การทหาร เทคโนโลยี และการเมืองระหว่างประเทศ ขณะที่จีนก็พร้อมตอบโต้และตอบกลับความพยายามที่จะปิดกั้นดังกล่าว ที่ผ่านมาความขัดแย้งและการแข่งขันได้ส่งผลกระทบสําคัญต่อการเมืองโลกและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทําใหัระบบพหุภาคีในการค้าโลกอ่อนแอลงและความเป็นหนึ่งเดียวของเศรษฐกิจโลกถูกกระทบ ที่สำคัญ การแข่งขันขณะนี้ได้ขยายไปสู่การกีดกันในการค้าขายสินค้า สินแร่ และวัตถุดิบที่ประเมินว่าสำคัญในยุทธศาสตร์ความเป็นประเทศผู้นำ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ปัจจุบันพูดได้ว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศนี้อยู่จุดต่ำสุด ไม่ช้ดเจนว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทําให้ความไม่แนอนมีมาก และเป็นความเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจการเมืองโลกในปีหน้า
ประเด็นที่สอง คือ ความตึงเครียดและความไม่แน่นอนในภูมิศาสตร์การเมืองโลก ปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งของประเทศมหาอำนาจมีส่วนทำให้เสถียรภาพการเมืองโลกอ่อนแอลง เพราะความขัดแย้งทําให้การทําหน้าที่สาธารณะของประเทศมหาอำนาจที่ควรต้องดูแลความสงบเรียบร้อยในโลกได้ลดความเข้มแข็งลง เปิดพื้นที่ให้ประเทศที่นิยมการใช้อำนาจเติบโตและแผ่ขยายการใช้อำนาจไปสู่ประเทศอื่น ซึ่งกรณีสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ประทุขึ้น ก็มีการวิเคราะห์ว่าสะท้อนแนวคิดและความอ่อนแอนี้
สงครามรัสเซียและยูเครนได้ลากยาวมาแล้วเกือบหนึ่งปี สร้างความเสียหายและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก ทำให้ทิศทางที่สงครามรัสเซียกับยูเครนจะไปต่อในปีหน้าจึงสําคัญและเป็นความเสี่ยงที่ต้องติดตาม เพราะจะหมายถึงความปลอดภัยหรือความมั่นคงของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ทั้งความมั่นคงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ในทางการเมือง สงครามได้ทดสอบความเข้มแข็งของนาโต้ในด้านการทหารและความพร้อมที่จะร่วมมือกันตามข้อตกลงเพื่อรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของประเทศในกลุ่ม และทดสอบความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจที่ประชาชนในยุโรปต้องเผชิญกับวิกฤติราคาพลังงาน อัตราเงินเฟ้อสูง ที่เป็นผลจากสงคราม รวมถึงผลจากการจัดสรรทรัพยากรเศรษฐกิจไปใช้ในการทหารมากขึ้น ทั้งงบประมาณเงินและประชากร ในแง่เศรษฐกิจโลก สงครามได้ดิสรัปการผลิต นำไปสู่การเกิดขึ้นของวิกฤติพลังงานและอาหาร กดดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งกระทบความเป็นอยู่ของคนทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ทิศทางที่สงครามจะเดินต่อจากนี้ไปจึงสำคัญมากทั้งต่อดุลอำนาจทางการเมืองในโลกจากนี้ไป และต่อผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าในทั้งสองเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ประเด็นที่สาม คือเศรษฐกิจจีน การตัดสินใจของจีนจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลสำคัญต่อเศรษฐกิจการเมืองโลกในปีหน้า เป็นทั้งปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยสนับสนุน ผ่านมาตราการและสิ่งที่จีนจะทําในบริบทของความขัดแย้งและการแข่งขันกับสหรัฐว่าจะมีมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้นหรือไม่แค่ไหน รวมถึงการดำเนินมาตรการของจีนที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปีหน้า เพราะจีนเป็นเศรษฐกิจอันดับสองของโลก การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนจึงสำคัญมากต่อเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนคือเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบมากจากการระบาดของโควิด19 จากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ที่รัฐบาลจีนใช้ควบคุมการระบาด ซึ่งประสพความสำเร็จแต่กระทบเศรษฐกิจจีนมาก นอกจากนี้ ก็มีปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งหมดทำให้เศรษฐกิจจีนถูกกระทบมาก กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวลดลง อัตราการว่างงานสูงขึ้น กระทบความเป็นอยู่ของประชาชนจีน ที่สำคัญเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบมากเช่นกัน เพราะจีนเป็นทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ทําให้ถ้าจีนสามารถกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลกได้ ก็จะช่วยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกให้เข็มแข้งขึ้นตามไปด้วย
ปัจจุบันผู้บริหารเศรษฐกิจจีนตระหนักในประเด็นนี้เป็นอย่างดี และต้องการที่จะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นปรกติมากสุด เพื่อช่วยการขยายตัวของเศรษฐกิจ ได้ปรับนโยบายโดยให้ความสำคัญกับการขยายตัวเศรษฐกิจ โดยการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการส่งออก ซึ่งจีนได้เริ่มแล้วเมื่อต้นเดือนนี้ โดยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด19 เป็นครั้งแรกในรอบสามปี ให้ประชาชนจีนสามารถเดินทางภายในประเทศได้โดยไม่ต้องแสดงผลการตรวจโควิด สามารถกักตัวที่บ้านได้เมื่อป่วย และกิจกรรมเศรษฐกิจสามารถดำเนินการต่อไปได้ถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
ในระยะแรก การผ่อนคลายดังกล่าวมีความเสี่ยงที่อาจทำให้การระบาดของโควิด19 ในจีนกลับมาขยายตัวอีก จึงเป็นเรื่องที่ต้องไม่ประมาทและต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง และถ้าจีนควบคุมการระบาดได้ดี ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเปิดประเทศในปีหน้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากทั้งต่อเศรษฐกิจจีนและเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยก็จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน
นี่คือสามประเด็นเศรษฐกิจการเมืองโลกที่สําคัญ และต้องติดตามสำหรับปีหน้า ซึ่งถ้าทุกอย่างออกมาได้ดี ไม่เลวร้ายหรือรุนแรงกว่าปัจจุบัน สนับสนุนด้วยการเปิดประเทศของจีน เศรษฐกิจโลกก็จะได้ประโยชน์ ตรงกันข้าม ถ้าสถานการณ์ในทั้งสามด้านแย่ลง และความไม่แน่นอนยังมีมากเหมือนในปัจจุบัน ความไม่ชัดเจนก็จะผลักดันให้ประเทศต่างๆต้องหาทางออก แบบต่างคนต่างทำต่างคนต่างไป เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกจะยิ่งแตกแยกและมีปัญหามากขึ้น
เขียนให้คิดฉบับเดือนธันวาคม 2565
ดร. บัณฑิต นิจถาวร
ประธานมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทําอย่างไรให้โซเชียลมีเดียเป็นประโยชน์ต่อสังคม
รายงาน Digital 2023 April Global Statshot Report ให้ข้อมูลว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 33 ของโลกในการใช้อินเทอร์เน็ต มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจําคิดเป็นร้อ