'เครดิตบูโร' ร่ายยาวนโยบายยกเลิกแบล๊กลิสต์ของนักการเมือง​

9 ม.ค. 2566 – ตามที่มีการประกาศนโยบายยกเลิกแบล๊กลิสต์​และเสนอแนวทางการใช้​เครดิตสกอร์​ริ่งมาแทนในระบบสินเชื่อ​ ผม (สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ) ใคร่ขอนำเสนอข้อมู​ลเพื่อให้ท่านผู้อ่านได้ลองพิจารณา​ดูนะครับ​ ชอบ ไ​ม่ชอบ​ เชื่อ ไม่เชื่อ​ เห็นด้วย เห็นต่าง​ เป็นเรื่องปกติในระบบประชาธิปไตย​ที่เราทุกคนได้รับการรับรองสิทธิ​ในการแสดงออก​ ดังคำพระที่ว่า​ อย่าเชื่อแต่จงใช้สติ​และปัญญามาพิจารณา​ให้ถ่องแท้

1.แบล๊กลิสต์​มีอยู่ในรายงานเครดิตบูโร​หรือไม่​ คำตอบคือไม่มีส่วนใดในรายงานเครดิตบูโร​ที่จะระบุว่า​ บุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระหนี้รายนั้น​ เป็นคนที่ไม่สมควรจะคบค้าสมาคม ไม่สมควรจะทำธุรกิจด้วย​ หรือไม่สมควรที่จะได้สินเชื่อใหม่ที่กำลังยื่นขออยู่

2.ประวัติการชำระหนี้ที่อยู่​ในรายงานเครดิตบูโรนั้นมาได้อย่างไร​ คำตอบคือ​ สถาบันการเงิน​สมาชิกของเครดิตบูโร​เป็นคนส่งมาให้ทุกเดือนครับ​ มาตามที่กฎหมายกำหนด ใครมาเป็นสมาชิกก็ต้องส่งข้อมูล​มาครับ​ คนทำธุรกิจจำนำทะเบียนหลาย ๆ รายที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เขาไม่มาเป็นสมาชิก​ เขาก็ไม่ได้ส่งข้อมูล​มาครับ​ สหกรณ์​ออมทรัพย์​หลายรายก็แบบเดียวกัน​ และการมาเป็นสมาชิกเครดิตบูโร​ก็ด้วยความสมัครใจของสถาบั​นการเงิน​นั้นเอง​ หลายธนาคารต่างประเทศ​ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร​ ดังนั้นใครไปเป็นลูกหนี้กับสถาบันการเงิน​เหล่านั้น​ ข้อมูล​ประวัติการชำระหนี้สินเชื่อของท่านก็ไม่มาที่ระบบเครดิตบูโร​ครับ

3.ประวัติที่ถูกส่งมายังระบบเครดิตบูโร​คือประวัติการชำระหนี้​ตามที่ลูกค้ามีบัญชีอยู่​ครับ​ ถ้าจ่ายได้ตามกำหนด​ ตามสัญญา​ ข้อมูล​จะบอกว่า​ ไม่ค้างชำระ​ แต่ถ้าไม่ได้ไปจ่ายด้วยเหตุผลใดก็ตาม​ รายงานก็จะระบุว่าค้างชำระ​ ตามความจริงเป๊ะ​ เพราะถ้าคนส่งข้อมูล​ไม่ดูแลความถูกต้อง​ เขาจะมีความผิดในการส่งข้อมูลและมีโทษในทางอาญา​ครับ​ ดังนั้น​ CEO ของสถาบันการเงิน​สมาชิกเครดิตบูโร​จะเข้มงวดเรื่องนี้มาก

ทีนี้สมมติว่าเดือนเมษา​ยน 2565 ไม่ได้จ่ายชำระหนี้​ มันก็จะรายงานว่า เดือนเมษา​ยน​ 2565​ ค้างชำระ​ พอเดือนพฤษภา​คม 2565 ลูกหนี้เอาเงินไปเคลียร์​สองยอด​ ยอดแรกคือของเก่าเดือนเมษา​ยนและยอดครบกำหนดปัจจุบัน​คือเดือนพฤษภา​คมได้เรียบร้อย​ ประวัติก็จะแสดงว่า​ เดือนพฤษภาคม​ 2565​ ไม่ค้างชำระ​

ตามความเข้าใจของผมคือพรรคการเมือง​เขาเสนอให้ลบความจริงเดือนเมษา​ยน​ 2565​ ออกไป​ คำถามคือ​ เราลบความจริงในประวัติเพื่อให้คนพิจารณา​เงินกู้ไม่เห็น​ ไม่ให้แสดงความจริง​ กฎหมายมันบอกว่าสถาบันการเงินสมาชิกเครดิตบูโร​ต้องส่งข้อมูลให้ถูกต้อง​ ครบถ้วน​ ทันสมัย​ ย้ำว่าต้องถูกต้อง

ทีนี้ถ้าลบแล้วข้อมูล​ประวัติมันก็แหว่งสิครับ​ เพราะมันหายไปเดือนนึง​ คือเดือนเมษา​ยน คนพิจารณา​ให้กู้เขาก็จะรู้โดยอ้อมหรือไม่​ว่าข้อมูล​ผิดปกติ แล้วคนฝากเงินที่เขาเอาเงินมาฝากเพื่อให้สถาบันการเงิน​เอาเงินไปให้กู้ต่อ​ เขาจะสบายใจมั้ยว่า​ สถาบัน​การเงินจะมีข้อมูล​ครบในการพิจารณา​สินเชื่อ​ เรา ๆ ท่าน ๆ เคยมีประสบการณ์​ที่เกิดในปี​ 2540​ มาแล้วนะครับ​ว่าเพราะคนปล่อยกู้มีข้อมูล​ไม่ครบ​ ไม่เห็นนิสัย​ ประวัติการชำระหนี้​ แต่ปล่อยกู้ไป​ ความเสียหายก็เกิดขึ้นนับเป็นเงินระดับล้าน ๆ บาท​ ผ่านมา​ 20 กว่าปีก็ยังใช้ไม่หมด​ คนเสนอนโยบายก็มีประสบการณ์​ร่วมในเหตุการณ์​นั้นด้วยใช่ไหมครับ​ ลืมแล้วหรือไร

เรากำลังจะลบความจริงเพื่อให้คนขอกู้ไปเอาเงินฝากผ่านคนกลางที่พิจารณา​เรื่องโดยมีข้อมูล​แหว่ง​ ไม่ครบ​ เราคิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ เหรอครับ​

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะครับ​ ถ้าอย่างนั้นต่อไป​ จะแก้ปัญหา​คนไม่ได้งาน​ เพราะนายจ้างมีระบบคัดกรอง​ เราก็สนับสนุนให้ไปสมัครงาน​ โดยเอาใบเกรด​ 4ปี​ 8เทอมไปให้คนสัมภาษณ์​ดู​ แต่เราก็สามารถ​ลบวิชาที่เราสอบได้คะแนนไม่ดีออกไปได้​ จะได้เหลือแต่วิชาที่สอบได้ดี​ เพื่อจะได้ผ่าน​การคัดกรอง มีงานทำ​ เรากำลังคิดจะทำกันแบบนี้เลยเหรอครับ

4.แน่นอนครับว่าระบบการให้สินเชื่อเรายังไม่ตอบโจทย์​ ยังมีคนตัวเล็ก​ SME​ ขนาดจิ๋ว​ ยังเข้าไม่ถึงสินเชื่อ​ หรือถ้าเข้าได้ก็โดนดอกเบี้ยแพง​ ยิ่งหลังโควิดมีแผลเป็นจากการชำระหนี้ เช่น

เป็นคนเคยค้างแต่ตอนนี้ดีแล้ว

เป็นคนเคยประนอมหนี้แต่ตอนนี้กลับมาชำระปกติได้แล้ว

เป็นคนที่ยังมีคนค้าขายด้วย​ มีคนสั่งซื้อของแต่มีประวัติว่าเคยค้าง​ หรือแม้แต่​ ปี​ 2562 ก่อนโควิด-19 ชำระหนี้ได้ทุกบัญชี​ ชำระหนี้ได้เต็มปี​ เต็มคาราเบล​ 12เดือน​ พอปี​ 2563 เจอโควิด​-19 ปี​ 2564 เจอเดลต้า​ ปี 2565​ เป็นหนี้เสียค้างเกินสามงวด​ เกิน​ 90วัน​ เป็นหนี้​ NPLs รหัส​ 21 เวลานี้เศรษฐกิจ​กลับมาแล้ว​ แต่แผลเป็นคือเป็นหนี้เสีย​ เข้าไม่ถึงเพราะกติกามันบอกว่าต้องปรับโครงสร้าง​หนี้​ก่อนถึงจะใส่เงินใหม่​ หนี้ใหม่เข้าไปได้​

5.การจะได้เงินใหม่​ หนี้ใหม่​ มันก็ต้องมีข้อมูล​ว่ามีรายได้แล้วนะ​ ชัวร์​นะ​ มีแน่นอนนะ​ ที่ผ่านมารายได้มันหดหาย​ ภาษาเทพ​ ภาษาพรหมคือ​ income shock เกิดหลุมรายได้​

ข้อมูล​ด้านอื่น ๆ เช่น​ ใช้น้ำใช้​ไฟ​ ชำระหนี้ค่าน้ำค่าไฟ​ ค่าโทรศัพท์​ตรงเป๊ะ​ ไม่ค้างนะ​ ไม่เหนียวหนี้​ หรือแม้แต่เป็นลูกจ้าง​ Platform ขายอาหาร​ ส่งของ​ ส่งสินค้า​ หรือมีข้อมูล​จากผู้ซื้อที่เป็นกิจการของเจ้าสัว​ ว่าตัวเราเป็น​ซัพพลายเออร์​ของเขานะ​ มียอดขายรายเดือนเท่านั้นเท่านี้​ ถ้าเรามีข้อมูล​แบบนี้ที่เรียกว่าข้อมูล​ทางเลือก (Alternative​ data) ไปให้กับคนขอกู้ได้มันก็จะไปช่วยสมานแผลเป็นจากประวัติชำระหนี้ค้าง​ คิดง่าย ๆ คือเราต้องการฮีรูดอยล์เอาไปทาแผลเป็นให้ผิวเราดีและสวยใกล้เคียงเดิม​ แนวคิดนี้ในหลายประเทศข้าง ๆ เราก็ทำเช่น​ เครดิตบูโร​ของลาว​ ที่เอาข้อมูลค่าน้ำค่าไฟ​เข้าระบบ​ เครดิตบูโร​ กัมพูชา​เอาข้อมูล​เช็คเด้งเข้าระบบ​ เพราะเขารู้ว่ามันมีแผลเป็นครับ​ บ้านเราข้อมูล​เหล่านั้นอยู่ในมือกิจการขนาดใหญ่​ Platform​ รัฐวิสาหกิจ​ ถ้าท่านเหล่านั้นยอมส่งข้อมูล​ไปยังสถาบันการเงินตามคำขอของลูกค้า​ ในฐานะเจ้าของข้อมูล​ ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูล​ส่วนบุคคล​ ทำเป็นขั้นตอนทางดิจิทัล​ ผ่านมือถือ​ มันก็จะทัดเทียมประเทศ​อื่น ๆ เขา​ ประเด็นคือการใช้​ การแชร์​ การส่งต่อข้อมูล​ ในโลกหลังโควิด-19 ครับ​ ข้อมูล​เพิ่มมันก็จะช่วยให้รู้จักลูกค้าเพิ่ม​ แต่ในทางกลับกัน​ ถ้าลูกค้าท่านเหนียวหนี้​ ท่านไม่ไปจ่ายหนี้สาธารณูปโภค​ ท่านก็ไม่ได้สินเชื่อ​ แล้วเราต้องมีนโยบายเลือกตั้งครั้งหน้าให้ลบประวัติการค้างชำระหนี้พวกนี้อีกไหม… อันนี้ขอถาม

6.ถ้าเราเอาข้อมูล​ทั้งระบบเก่าคือประวัติการชำระหนี้​ กับข้อมู​ลทางเลือกใหม่​ มาผสมกันแบบที่ธนาคาร​โลกสนับสนุน​ และบ้านเราก็มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้หน่วยงานไปดำเนินการมากว่า​ 5-7 ปีที่แล้วในเรื่อง​ Ease of Doing business ถ้าเราทำให้จบเวลานั้น​ เราคงไม่มาพูดกันในเวลานี้​ แต่ไม่เป็นไรครับ​ มันไม่สายที่จะทำ​ แม้แต่ทางธุรกิจโทรคมนาคมเข้ามีหนังสืออย่างเป็นทางการขอส่งและแลกข้อมูล​ของมือถือ (Mobile​ data) กฎหมายและผู้คุมกฎหมายก็ยังไม่อนุมัติ​ให้ทำได้​ เพราะกฎหมายในปัจจุบันมันไม่เปิดช่อง (ตีความแล้ว)​ ถ้าท่านนักการเมืองที่กำลังเสนอตัวมาทำตรงนี้ท่านทำได้จริง​ ทะลุกฎหมายล้าสมัยได้จริง​ ผมจะขออนุโมทนา​ สาธุครับ​

การกลับไปลบความจริงที่เกิดขึ้นในการชำระหนี้ตามความเข้าใจของผมแล้วเชื่อว่ามันจะช่วย​ อยากให้ช่วยกันคิดให้ครบ​ อย่าสุกเอาเผากิน​ ใช้ความรู้จริง อย่าใช้ความรู้สึก​ นโยบายต้องมาจากความจริง​ ความดี​ มันถึงจะงอกเป็นความงาม​ มันต้องไม่ทำร้ายระบบเศรษฐกิจ​ไทยที่อ่อนแอ​

สิ่งที่นำเสนอมาเป็นเรื่องที่ดีมากครับ​ เปิดทางให้ผมได้เสนอข้อมูล​ ผมเห็นด้วย​ รายงานวิชาการก็เห็นด้วย​ มติ ครม. ก็มีแล้ว​ มันไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่ต้องลงมือทำด้วยความรู้และความกล้า​ เพื่อพัฒนาชาติ​ ประเทศ​ เศรษฐกิจ​ของไทย​

เห็นด้วยครับในเรื่องปรับปรุงแนวคิดระบบการให้สินเชื่อของประเทศ​ไทยเรา​ เพราะเรามีแผลเป็นจากโควิดในตัวคนกู้มากมาย​ และเขาต้องไปต่อ​ หากแต่เราจะไปยกเลิกในสิ่งที่มันไม่มีอยู่จริง​ ไม่เคยมี​ เป็นเรื่องของสิ่งที่พูดกันต่อ ๆ มา​ ตามความเชื่อ​ ไม่มีหลักฐาน​ เราคงไม่ทำอย่างนั้น​แน่​ เพราะเรามีสติปัญญาความกล้าหาญ​มากกว่านั้น​แน่นอน

สุดท้าย​ ในศีล​ 5 ข้อจะมีเรื่องของการไม่โกหก​ ไม่พูดเท็จ​ ไม่ทำให้คนอื่นเชื่อในความเท็จ​ คนไทยต้องกล้าครับ​ กล้าที่จะแก้ไข​ ต้องไม่กล้าที่จะส่งเสริมการลบความจริง​ มันมีนวัตกรรม​ทางความคิดที่ดีมากในส่วนที่สองคือ​ หาข้อมูล​เป็นฮีรูดอยล์มาบรรเทาความทุกข์​จากแผลเป็นที่ทำให้เราดูไม่ดีจนคนเขาไม่เชื่อที่จะให้เรายืมเงินครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหาก 'โดนัลด์ ทรัมป์' ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ด้วยวาทกรรม ‘นองเลือด’ ของเขา เวลานี้โดนัลด์ ทรัมป์กำลังยุยงให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นต่อผู้อพยพ รวมถึงโจ ไบเดนคู่แข่

“รวมไทยสร้างชาติ” เดินหน้าเสนอแก้กฎหมายปลดล็อคประชาชนติดเครดิตบูโรยาวนานให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่าย ลดปัญหาถูกขึ้นบัญชีดำ จนหันไปกู้เงินนอกระบบ

เมื่อวันที่ 10 มกราคม ที่รัฐสภา นายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วย สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ประกอบด้วย รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ สส.ชุมพร นายพงษ์มนูญ ทองหนัก สส.พิษณุโลก

สส.พัฒนา ไม่กังวล กกต.ฟันอาญา ยันไม่มีเจตนาหาเสียงนอกเวลา

นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งดำเนินคดีอาญาแก่ตน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ

'ก้าวไกล' ผวาสูญพันธุ์! ลุ้นศาล รธน. ตัดสินคดีหาเสียงแก้ 112

'ศิริกัญญา’ ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดีหาเสียงแก้ 112 หวังแคล้วคลาดปลอดภัย รับเจอมาเยอะ ผวา ‘ก้าวไกล’ สูญพันธุ์ เหตุ สส. ลงชื่อหนุนหลายคน

ธอส.กาง 7 เคล็ดลับ ผ่อนบ้านหมดไว! ชู “ชำระเกิน-รีบโปะ-อย่าสร้างหนี้เพิ่ม” ช่วยลดภาระลูกหนี้

ช่วงที่ผ่านมา มีประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันบนโซเชียลมีเดียพอสมควร นั่นคือเรื่อง “การผ่อนบ้าน” ขณะเดียวกันในฝั่งสถาบันการเงินเองก็มีการแข่งขันกันออกโปรโมชั่นในการ Refinance (รีไฟแนนซ์) อย่างดุเดือดเพื่อดึงดูดใจลูกค้า