‘ภูสิต’ กางแผนขับเคลื่อนส่งออกปี 66 จัดหนัก 450 กิจกรรม

“ภูสิต”กางแผนขับเคลื่อนส่งออกปี 66 เตรียมลุยแผนปกติ 195 แผน กว่า 450 กิจกรรม เพื่อรักษาตลาดเดิม และเพิ่มแผนบุกเจาะ 4 ตลาดศักยภาพ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLAM และจีน รวมถึงเปิดประตูตลาดใหม่อย่างเอเชียกลางและนอร์ดิก เล็งเปิfร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มชื่อดังเพิ่ม เพิ่มโอกาสการผ่านออนไลน์ 

10 ก.พ. 2566 – นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงแผนการขับเคลื่อนการส่งออกในปี 2566 เพื่อผลักดันการส่งออกให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1-2% มูลค่า 10-10.1 ล้านล้านบาท ร่วมกับนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ , นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ และนางอารดา เฟื่องทอง รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า กรมฯ ได้กำหนดแผนการขับเคลื่อนการส่งออก 2 รูปแบบ คือ แผนปกติ และแผนวอร์รูม โดยแผนปกติ มีทั้งสิ้น 195 แผน หรือกว่า 450 กิจกรรม มีเป้าหมายเพื่อรักษาตลาดเดิม และเพิ่มยอดการส่งออกให้ได้เพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐฯ แคนาดา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกา และลาตินอเมริกา โดยจะเน้นการจัดคณะผู้แทนการค้า การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การเชิญผู้นำเข้ามาไทย การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการผลักดันการค้าออนไลน์ เป็นต้น  

ทั้งนี้ ยังจะให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าสินค้าส่งออกด้วยนวัตกรรม สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การสร้างแบรนด์ การส่งเสริมธุรกิจบริการด้วยการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ เช่น ดิจิทัลคอนเทนต์ สุขภาพและความงาม โลจิสติกส์ ร้านอาหาร Thai Select การผลักดันสินค้าเกษตรและอาหาร ที่ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหาร โดยเฉพาะอาหารแห่งอนาคต เพื่อตอบสนองกระแสรักสุขภาพและรักสิ่งแวดล้อม รวมถึงการผลักดันการส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง สินค้า BCG ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม ที่จะผลักดัน เช่น รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

ส่วนแผนวอร์รูม จะผลักดันการส่งออกใน 4 ตลาดศักยภาพ ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือกับภาคเอกชน และเอกชนต้องการให้บุกเจาะ โดยตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิรัก ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าส่งออก 20% CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม) เพิ่ม 15% เอเชียใต้ เช่น อินเดีย บังคลาเทศ ศรีลังกา เนปาล มัลดีฟส์ และภูฏาน เพิ่ม 10% และจีน เพิ่ม 1% โดยจะเน้นเจาะเมืองรองมากขึ้น หลังจากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้เพิ่มแผนการเจาะตลาดศักยภาพใหม่ เช่น เอเชียกลาง 5 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน ซึ่งเป็นตลาดที่มูลค่าการส่งออกยังน้อย แต่มีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะคาซัคสถาน ที่สามารถใช้เป็นฮับเจาะเอเชียกลางได้ และตลาดนอร์ดิก ได้แก่ สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ ที่เป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง จะมุ่งขยายตลาดอาหาร เกษตรอินทรีย์ และสินค้า BCG โดยจะจัดคณะผู้แทนการค้า การจัดเจรจาการค้าออนไลน์ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย

สำหรับการค้าออนไลน์ จะผลักดันเพิ่มจำนวนร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มออนไลน์ชั้นนำเพิ่มขึ้น เช่น Amazon Global Selling Thailand (สหรัฐฯ) eBay (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย) Lazada (มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม) AbouThai (ฮ่องกง จีน) และ Pinkoi (ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น) หลังจากที่ปัจจุบันมีร้านบน 7 แพลตฟอร์ ครอบคลุม 9 ประเทศแล้ว ได้แก่ Amazon (สหรัฐฯ) Tmall ในเครือ Alibaba Group (จีน) Bigbasket (อินเดีย) Klangthai (กัมพูชา) Blibli (อินโดนีเซีย) PChome (ไต้หวัน) และ Shopee (มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์) โดยปัจจุบันมีสินค้าที่เข้าร่วมในร้านกว่า 200 แบรนด์

นอกจากนี้ ในปี 2566 กรมฯ จะเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย หลังโควิด-19 คลี่คลายอย่างเต็มรูปแบบ 5 งาน คือ STYLE Bangkok (22-26 มี.ค.2566) TAPA (5-8 เม.ย.2566) THAIFEX-ANUGA ASIA (23-27 พ.ค.2566) TILOG-LogistiX (17-19 ส.ค.2566) และ Bangkok Gems & Jewelry Fair (6-10 ก.ย.2566) โดยตั้งเป้ามูลค่าการเจรจาการค้ามากกว่า 17,600 ล้านบาท และกำลังหารือกับโคโลญจ์เมสเซ่ เตรียมจัดงานแสดงสินค้ากลุ่ม HORECA เป็นครั้งแรกในภูมิภาค ชื่องาน THAIFEX HOREC Asia 2024 ในเดือนมี.ค.2567

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ส่งออกไตรมาส 4 ส่อแผ่ว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในเดือน ก.ย. 2024 ยังขยายตัวบวกที่ 1.1% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา แต่ต่ำกว่า 3.0% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา ที่ตลาดคาดการณ์ โดยการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบขยายตัว 25.5% เทียบช่วงเดียวกันกับปีผ่านมา

ค่าเงินบาทแข็งดีต่อการส่งออก ครูที่เคยสอนเศรษฐศาสตร์ได้ยินคงตกใจแทบสิ้นสติ

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาสถิติศาสตร์ สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า