
ธ.ก.ส. ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สูงสุดร้อยละ 0.60 ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ร้อยละ 0.25 ต่อปี ตามมติ กนง. เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566 ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 ต่อปีจากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.75 ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดและการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจไทย โดยมีผลตั้งแต่ 1 เม.ย. 66 เป็นต้นไป
30 มี.ค. 2566 – นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.50 ต่อปี มาอยู่ที่ร้อยละ 1.75 ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2566 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ธ.ก.ส. จึงได้มีมติปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เพื่อให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ร้อยละ 0.05 – 0.60 ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออมและเพิ่มผลตอบแทนให้ผู้ฝากได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ร้อยละ 0.25 ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายคนชั้นดี (MRR) จากร้อยละ 6.625 ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 6.875 อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบันและนิติบุคคลชั้นดี (MLR) จากร้อยละ 5.125 ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 5.375 และอัตราดอกเบี้ยประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จากร้อยละ 6.50 ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 6.750 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการแบ่งเบาและลดภาระของเกษตรกร ที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 และผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ธ.ก.ส. ยังมีสินเชื่อในโครงการพิเศษต่าง ๆ ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าดอกเบี้ยปกติ เช่น สินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 สินเชื่อ SME เสริมแกร่ง สินเชื่อสานฝันสร้างอาชีพ อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 4 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีมาตรการในการดูแลและช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาหนี้สินแบบครบวงจร ประกอบด้วย มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ มาตรการฟื้นฟูอาชีพ มาตรการจ่ายดอกตัดต้น มาตรการจ่ายต้นปรับงวด เพื่อลดความกังวลใจในเรื่องหนี้ การให้คำปรึกษาด้านการจัดการหนี้ ทั้งในและนอกระบบการสนับสนุนให้ลูกค้าบริหารจัดการหนี้ผ่านแนวทาง มีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมาก พร้อมสร้างแรงจูงใจโดยคืนหรือลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับผู้ที่ชำระหนี้ เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรลูกค้ามีกำลังใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ตนเอง ควบคู่กับการเติมสินเชื่อใหม่ ภายใต้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องในการใช้จ่ายและการลงทุน อันนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือ Call Center 02 555 0555

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ธ.ก.ส.' เสริมแกร่งสถาบันเกษตรกรอัดฉีดพันล้านรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
“ธ.ก.ส.” เตรียม 1,000 ล้านบาท อัดฉีดสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่มเสริมแกร่งสถาบันเกษตรกร เคาะดอกเบี้ย 4% รัฐชดเชย 3%
'ธ.ก.ส.' ปักหมุดภารกิจสางหนี้เน่าตั้งเป้าหมายปีนี้เหลือไม่เกิน 5.5%
“ธ.ก.ส.” ปักหมุดภารกิจสางหนี้เน่า ตั้งเป้าหมายปีนี้เหลือไม่เกิน 5.5% เร่งเครื่องปั๊มสินเชื่อเติมกลุ่มขนาดใหญ่ 5 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมเปิดตัวสินเชื่อรวมกลุ่มเกษตรกรขายคาร์บอนด์เครดิต
ธ.ก.ส.เตรียมปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเสริมสภาพคล่องการรับซื้อผลไม้
ธ.ก.ส. ร่วมมือกรมการค้าภายใน สนับสนุนผู้ประกอบการในการรวบรวมและรับซื้อผลไม้ฤดูกาลผลิต 2566 รวม 8 ชนิด เพื่อกระตุ้นให้มีปริมาณผลไม้หมุนเวียนในตลาดและส่งถึงมือผู้บริโภค ทั้งในและต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว ทันตามฤดูกาล โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 3 ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ ธ.ก.ส. ตั้งแต่วันนี้จนถึง 12 พฤษภาคม 2566
'ธ.ก.ส.'ฟุ้งปี 65 อัดสินเชื่อสู่ชนบท 8.7 แสนล้าน
“ธ.ก.ส.” โชว์ผลดำเนินงานปีบัญชี 65 อัดสินเชื่อสู่ภาคชนบท 8.7 แสนล้านบาท กวาดกำไรเฉียด 8 พันล้านบาท กางแผนปีบัญชี 66 สินเชื่อโตเพิ่มมากว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เงินฝากโต 1.2 หมื่นล้านบาท เดินเครื่องแก้หนี้เสีย ปักหมุดเหลือไม่เกิน 6.7% พร้อมคาดจีดีพีภาคเกษตรปี 66 โต 2.4% โอดเศรษฐกิจโลกชะลอกดดันการส่งออกสินค้าเกษตรแผ่ว
ธอส. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ 0.05-0.40% ต่อปี
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ และเงินฝากประจำ 0.05-0.40% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.25% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2566 เป็นต้นไป
"อนุทิน" บูม นโยบายเงินกู้ 50,000 บาท มั่นใจ เป็นทางออกฉุกเฉินให้ประชาชน
7 เมษายน 2566 ที่ลานข้าวเปลือก ข้าง ร.พ.บางมูลนาก จ.พิจิตร นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการปราศรัย