"บสย." ฟุ้งQ1ค้ำประกันทะยาน196% จ่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Smart Green

27 เม.ย. 2566 – นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อ ไตรมาส 1/2566 (ม.ค.-มี.ค.66) ว่า เติบโตเกินเป้าที่วางไว้ 196% โดยสามารถอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ รวม 32,199 ล้านบาท อนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) รวม 9,147 ฉบับ ช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับสินเชื่อกว่า 8,900 ราย ในจำนวนนี้มีลูกค้ารายใหม่ 4,719 ราย ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจ (Economic Benefit) 132,982 ล้านบาท คิดเป็น 4.13 เท่าของวงเงินค้ำประกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี (SME Penetration Rate) 23.57% และรักษาการจ้างงานรวมได้กว่า 226,641 ตำแหน่ง

สำหรับวงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 32,199 ล้านบาท มาจาก 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ พ.ร.ก.สินเชื่อฟื้นฟู วงเงิน 22,053 ล้านบาท คิดเป็น 69% ของวงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ โดยค้ำต่อรายเฉลี่ย 5.81 ล้านบา 2.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่ บสย. พัฒนาขึ้น หรือ Commercial Product (BI7, Renew, RBP) วงเงิน 8,744 ล้านบาท คิดเป็น 27% ของวงเงินอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ โดยค้ำต่อรายเฉลี่ย 2.10 ล้านบาท3.โครงการ บสย. SMEs เข้มแข็ง (PGS10) วงเงิน 755 ล้านบาท ค้ำต่อรายเฉลี่ย 0.99 ล้านบาท และ4.โครงการอื่น ๆ วงเงิน 647 ล้านบาท ค้ำเฉลี่ยต่อราย 1.55 ล้านบาท

“ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อไตรมาส 1 สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้กว่าเท่าตัว มาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อของสถาบันการเงินต่าง ๆ ตามมาตรการรัฐ เพื่อเร่งขยายความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและรายย่อย Micro ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกลไกค้ำประกันสินเชื่อ ของ บสย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยถูก (พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู เฟส 2) มีการอนุมัติวงเงินค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อสูงถึง 22,053 ล้านบาท ผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง และการขยายตัวของภาคการเกษตร” นายสิทธิกร กล่าว

โดย 5 อันดับกลุ่มธุรกิจค้ำประกันสูงสุด ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจบริการ 10,351 ล้านบาท สัดส่วน 32.1% เพิ่มขึ้น 4.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 2.กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม 2,981 ล้านบาท สัดส่วน 9.3% 3.กลุ่มการผลิตสินค้าและการค้า 2,787 ล้านบาท สัดส่วน 8.7% 4.กลุ่มยานยนต์ 2,786 ล้านบาท สัดส่วน 8.7% เพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.กลุ่มเกษตรกรรม 2,675 ล้านบาท สัดส่วน 8.3% และ 6.อื่นๆ 10,619 ล้านบาท

นายสิทธิกร กล่าวอีกว่า แผนงาน ไตรมาส 2/2566 บสย. ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 23,200 ล้านบาท ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย.SMEs เข้มแข็ง วงเงิน 50,000 ล้านบาท และโครงการที่ บสย. พัฒนาขึ้นหรือ Commercial Product สำหรับมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัว ได้รับความเห็นชอบอนุมัติขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี สิ้นสุดโครงการ 9 เม.ย. 2567ขณะเดียวกันได้เตรียมยกระดับการบริการศูนย์ให้คำปรึกษาทางการเงินเอสเอ็มอี หรือ บสย. F.A.Center โมเดลใหม่ โดยเตรียมขยายบริการสู่ภูมิภาค การจับคู่ความร่วมมือระหว่าง บสย. กับหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มธุรกิจเพื่อความยั่งยืน BCG Model โดย บสย. เตรียมเปิดตัว ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อ Smart Green ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี ค้ำประกันตั้งแต่ 1 – 40 ล้านบาท

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง