สนค. เผยการจัดการเลือกตั้งดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับสูงสุดในรอบ 53 เดือน

สนค. เปิดเผย เลือกตั้งดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับสูงสุดในรอบ 53 เดือน

14 มิ.ย. 2566 – นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) ในเดือนพฤษภาคมปรับสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.6 ซึ่งอยู่ในช่วงเชื่อมั่นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 สูงสุดในรอบ 53 เดือน และปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 53.5 อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว มาตรการภาครัฐจากการบรรเทาภาระ ค่าไฟฟ้ากลุ่มครัวเรือน ราคาน้ำมันที่ปรับลดลง รวมถึงเป็นเดือนของการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสนใจมาก หากพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อความเชื่อมั่น 9 ด้าน คือ เศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก มาตรการของรัฐ สังคม/ความมั่นคง การเมือง/การเลือกตั้ง ภัยพิบัติ/โรคระบาด ราคาสินค้าเกษตร ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และอื่น ๆ พบว่า ปัจจัยด้านการเมืองและการเลือกตั้งมีความสำคัญต่อความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากในเดือนมกราคม 2566 ประชาชนเลือกปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นเป็นด้านการเมืองและการเลือกตั้งร้อยละ 5.7 ต่อมาปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 7.8, 9.2 และ 13.4 ในเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม และเมษายน ตามลำดับ สำหรับเดือนพฤษภาคมที่เป็นช่วงของการเลือกตั้ง ปัจจัยด้านการเมืองปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 19.9 หากวิเคราะห์ปัจจัยด้านการเมืองที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นจำแนกตามภูมิภาค ช่วงอายุ อาชีพ และรายได้ ของเดือนพฤษภาคมเทียบกับเดือนมกราคม 2566 มีรายละเอียดดังนี้

เมื่อพิจารณาตามภูมิภาค พบว่า ประชาชนในพื้นที่

•ภาคกลาง ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.2 เป็นร้อยละ 22.0

•ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับเพิ่มจาก ร้อยละ 6.0 เป็นร้อยละ 22.0

•ภาคเหนือ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.1 เป็นร้อยละ 21.3

•ภาคใต้ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.1 เป็นร้อยละ 18.3

•กรุงเทพฯ และปริมณฑล ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.7 เป็นร้อยละ 17.1

เมื่อพิจารณาตามช่วงอายุ พบว่า ประชาชนที่มีอายุ

• ต่ำกว่า 20 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.9 เป็นร้อยละ 14.5

• อายุ 20-29 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 7.1 เป็นร้อยละ19.0

• อายุ 30-39 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.6 เป็นร้อยละ 19.1

• อายุ 40-49 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 4.9 เป็นร้อยละ 21.9

• อายุ 50-59 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.4 เป็นร้อยละ 18.5

• ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.2 เป็นร้อยละ 25.4

เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอาชีพ พบว่า

•พนักงานเอกชน ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.6 เป็นร้อยละ 26.1

•ผู้ประกอบการ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 5.3 เป็นร้อยละ 20.3

•รับจ้างอิสระ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.1 เป็นร้อยละ 19.6

•พนักงานของรัฐ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 6.1 เป็นร้อยละ 18.3

•ไม่ได้ทำงาน/บำนาญ ปรับเพิ่มจากร้อยละ 9.5 เป็น ร้อยละ 18.0

•นักศึกษา ปรับเพิ่มจากร้อยละ 9.0 เป็นร้อยละ 14.8

•เกษตรกร ปรับเพิ่มจากร้อยละ 3.6 เป็นร้อยละ 11.2

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคมที่จัดทำโดย สนค. ปรับเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคและกลุ่มอาชีพ สาเหตุสำคัญมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ รองลงมาเป็นกิจกรรมทางการเมืองและการเลือกตั้งที่มีสัดส่วนปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในเดือนนี้ หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน น่าจะรักษาให้ระดับของความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ในช่วงเชื่อมั่นได้อย่างต่อเนื่อง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สนค. ชี้ทุกหน่วยงานนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เร่งทุกหน่วยงานเชื่อมข้อมูล

นโยบายรัฐบาลดิจิทัลจะประสบความสำเร็จต้องช่วยกันอย่างจริงจัง แนะเร่งหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงินเชื่อมข้อมูลระหว่างกัน

สนค. เผยอาเซียนเนื้อหอม แนะเร่งเตรียมพร้อมทุกมิติ ดึงลงทุนในไทย

สนค. เผยว่า FDI ส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยปี 2565 ไทยมีมูลค่า FDI เป็นอันดับที่ 5 ของภูมิภาคอาเซียน หดตัวร้อยละ 31.5 ขณะที่มูลค่า FDI ของภูมิภาคอาเซียนขยายตัวร้อยละ 4.6 ซึ่งแนวโน้มการลงทุนในไทยยังมีทิศทางที่ดีจากการขยายตัวถึงร้อยละ 72 ของยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในปี 2566 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ พร้อมแนะให้เร่งส่งเสริมการลงทุนเชิงรุก ลดอุปสรรค ขยายคู่ FTA

สนค. เผยเทรนด์ใหม่ใช้หุ่นยนต์บริการ ช่วยลดต้นทุนระยะยาว

สนค. ติดตามแนวโน้มสถานการณ์ทางการค้า และศึกษาแนวทางการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการ พบการใชhหุ่นยนต์บริการเติบโตทั่วโลก ช่วยลดภาระต้นทุนในระยะยาว และสร้างโอกาสผู้ประกอบการปรับตัวสู่การค้ายุคใหม่ แนะไทยเร่งส่งเสริมเพิ่มองค์ความรู้ ปรับตัวใช้หุ่นยนต์บริการ