สรรพากรเคาะลดหย่อนภาษีซื้อหน่วยลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย เพื่อให้เกิดการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

22 พ.ย. 2566 – นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากรตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการใช้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกบรรลุเป้าหมายด้านความสามารถ ในการแข่งขันควบคู่ไปกับความยั่งยืนของประเทศ จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ….) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามมาตรการภาษีดังกล่าว อันเป็นผลมาจากการประชุมร่วมกันของกระทรวงการคลังกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้มีการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน และกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว โดยกองทุนรวมนี้จะนำเงิน ไปลงทุนในกิจการที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล(Environmental, Social, and Governance หรือ ESG) ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด โดยจะลงทุนในกิจการของไทยเท่านั้น

มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทยมีรายละเอียด ดังนี้ 1. ให้ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ในอัตราไม่เกินร้อยละ 30 ของเงินได้พึงประเมิน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับปีภาษี โดยผู้มีเงินได้ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย ทั้งนี้ สำหรับการซื้อหน่วยลงทุนตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 (วันที่คณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหลักการ) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2575 และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด

ยกเว้นให้ผู้มีเงินได้ไม่ต้องนำเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับเนื่องจากการขายหน่วยลงทุนคืนให้แก่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะกรณีที่เงินหรือผลประโยชน์ดังกล่าวคำนวณมาจากค่าซื้อหน่วยลงทุนที่ได้รับสิทธิตามข้อ 1 และผู้มีเงินได้ถือหน่วยลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีนับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน แต่ไม่รวมถึงกรณีทุพพลภาพหรือตาย”

มาตรการภาษีนี้จะช่วยให้การลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น อันจะทำให้เสถียรภาพของตลาดทุนไทยเพิ่มขึ้น และจะทำให้ผู้มีเงินได้มีทางเลือกในการออมและการลงทุนระยะยาวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งยังจะทำให้การลงทุนในกิจการที่คำนึงถึง ESG เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และกิจการของไทยที่ให้ความสำคัญแก่ ESG เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามไปด้วย อันจะมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ของสหประชาชาติ รวมทั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สรรพากร' ฟุ้งประชาชนแห่ยื่นภาษีคึกคักกางยอดผ่านออนไลน์เฉียด100%

“สรรพากร” เผยปีนี้แห่ยื่นแบบภาษีเงินได้คึกคัก กางยอดดำเนินการผ่านระบบออนไลน์แล้วเฉียด 100% พร้อมโชว์คืนภาษีแล้วใกล้ 1 ล้านแบบ

'สรรพากร' ปักธงรีดภาษี 2.27 ล้านล้านหวังอานิสงส์มาตรการรัฐช่วยหนุน

“สรรพากร” ปักธงรีดภาษีปีงบ 2567 พุ่ง 2.27 ล้านล้านบาท หลังประเมินเศรษฐกิจโตเฉลี่ย3% มองอานิสงส์มาตรการรัฐช่วยหนุนผลงานฉลุยตามเป้าหมาย

‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ ประเดิมขายวันแรก วางเป้าระดมเงินหมื่นล้านก่อนสิ้นปี

‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ เปิดขายวันแรกพร้อมกัน 22 กองทุน 8 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าระดมเงินลงทุนได้ 10,000 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายคนที่มีเงินเดือน เชื่อมีคนลงทุนระดับแสนคนก่อนสิ้นปีนี้ และปีหน้ามั่นใจระดมทุนเพิ่มได้ 2-3 หมื่นล้านบาท