โฆษกรัฐบาล เผยความคืบหน้ากรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ขับเคลื่อนการเติบโตสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปไทย ผู้ประกอบการที่มั่นคง เกษตรกรรายได้ดี
19 ม.ค. 2567 - นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูปของไทยไปยังประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุมธุรกิจกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง (Lancang-Mekong Business Forum) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 10 – 11 มกราคม 2567 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมธุรกิจการเกษตรและการลงทุนในสินค้าอาหารแปรรูป (Promoting Agribusiness and Investment in Processed Food Sector)”
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลสนับสนุนการประชุม the 6th Lancang-Mekong Business Forum เพื่อส่งเสริมความร่วมมือของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือฯ ในการขยายเครือข่ายผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาธุรกิจการเกษตรและสินค้าอาหารแปรรูป ในการประชุม ผู้ประกอบการจากประเทศไทยและประเทศสมาชิกอื่น ๆ ตามกรอบความร่วมมือฯ ได้หารือแนวทางในการสร้างความร่วมมือเพื่อขยายตลาดสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท ประเทศจีน ระบุว่า มูลค่าการซื้อขายสินค้าเกษตรระหว่าง 5 ประเทศลุ่มน้ำโขงกับประเทศจีน ในปีพ.ศ. 2566 อยู่ที่ 32.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 15 % จากปี พ.ศ. 2565
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของกระทรวงเกษตรและกิจการชนบท ประเทศจีน (The Foreign Economic Cooperation Center of the Chinese Ministry of Agriculture and Rural Affairs)และสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (Mekong Institute) ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงระหว่างการประชุม ฯ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือผ่านการให้บริการทางวิชาการและการจัดการฝึกอบรมและค้นคว้าวิจัย ตลอดจนสนับสนุนการแลกเปลี่ยนบุคลากร ความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการเกษตรและสินค้าอาหารแปรรูปของประเทศสมาชิกกรอบความร่วมมือฯ พร้อมทั้งเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาในอนุภูมิภาคให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
“นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญกับการหาตลาด เพิ่มราคา อำนวยความสะดวกให้เกษตรกรและผู้ประกอบการภาคการเกษตรและอาหารแปรรูปอย่างต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าเป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของไทย นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าทุกกรอบความร่วมมือ จะเปิดโอกาสในการยกระดับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและอาหารแปรรูป ซึ่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน ผ่านการฝึกอบรมและค้นคว้าวิจัย การแลกเปลี่ยนนวัตกรรม และการขยายเครือข่ายจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน พัฒนาวิถีชีวิตเกษตรกร ส่งผลถึงประชาชนไทยทุกคน” นายชัย กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พรบ.งบ 67 มีผลบังคับใช้แล้ว นายกฯ เชื่อมั่นจะช่วยให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พ.ร.บ. งบฯ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท มีผลบังคับใช้แล้ว โดยแบ่งได้ ดังนี้ งบกลาง 6.15 แสนล้านบาท
นายกฯปลื้มแบงก์รัฐขานรับลดดอกเบี้ย 0.25%
นายกฯ ชื่นชมมาตรการสถาบันการเงินของรัฐ ขานรับนโยบายประกาศลดดอกเบี้ย 0.25% ช่วยเหลือลูกค้ารายย่อย และกลุ่มเปราะบาง เป็นระยะเวลานาน 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2567 เชื่อมั่นเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชน
'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร
รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย
โฆษกรัฐบาล โต้ยิบข้อครหาเงินดิจิทัลเอื้อเจ้าสัว หลังครม.เห็นชอบหลักการ
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุมครม. มีการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ภายหลังจากที่มีการประชุมหารือไปหลายรอบสุดท้ายได้ข้อสรุปเป็นหลักการ ของโครงการเงื่อนไขผู้ที่ได้รับ 50 ล้านคน อายุ 16 ปีขึ้นไป มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 840,000 บาท