เอสซีจี โชว์ผลประกอบการ 66 กำไร 2.5 หมื่นล้าน จ่อปันผลอีก 3.5 บาท

เอสซีจี แถลงผลประกอบการปี 2566 ธุรกิจมั่นคง แม้ยอดขายลดลงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว เผยแผนเร่งเครื่องธุรกิจปี 2567 สู้ทุกความท้าทาย รุกธุรกิจกรีน มุ่งสร้างการเติบโตพร้อมสังคม Net Zero งบลงทุน 40,000 ล้านบาท ดันนวัตกรรมรักษ์โลก-ลุยพลังงานสะอาด-ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งออกปูนคาร์บอนต่ำสู่ตลาดอเมริกา ปิโตรเคมีเวียดนาม LSP เตรียมป้อนนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงสู่ตลาดโลก ปักหมุดซาอุฯ เชื่อมต่อการค้าทั่วโลก เดินหน้าทรานส์ฟอร์มโครงสร้างธุรกิจ สร้างความคล่องตัว แข็งแกร่ง เติบโตไกล ล่าสุด คว้าที่หนึ่ง ดัชนี ESG ชั้นนำของโลก Morningstar Sustainalytics

25 ม.ค. 2567 – นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี กล่าวว่า “ผลประกอบการ เอสซีจีปี 2566 ยังคงมีความมั่นคง  แม้ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก จีน และอาเซียนชะลอตัว ตลาดปิโตรเคมียังอ่อนตัว ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลง มีรายได้ 499,646 ล้านบาท ลดลง 12% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง และการไม่รวมยอดขายของ SCG Logistics กำไร 25,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อน สาเหตุหลักจากกำไรของการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 

ไตรมาส 4 ปี 2566 มีรายได้ 120,618 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษ 502 ล้านบาท ทั้งนี้ มีขาดทุนสำหรับงวด 1,134 ล้านบาท จากการด้อยค่าสินทรัพย์ของโรงงานซีเมนต์ในเมียนมา และรวมผลประกอบการของโรงงานปิโตรเคมี ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต้นทุนคงที่ อย่างไรก็ตาม เอสซีจียังคงรักษาความมั่นคงของสถานะการเงินได้อย่างต่อเนื่อง สิ้นปี 2566 มีเงินสดคงเหลือ 68,000 ล้านบาท 

ปี 2567 เอสซีจีทุกกลุ่มธุรกิจเร่งเครื่องสร้างการเติบโตอย่างเต็มที่ทั้งไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยนวัตกรรมปูนคาร์บอนต่ำ สมาร์ทโซลูชันเพื่อการอยู่อาศัย พลาสติกรักษ์โลก บรรจุภัณฑ์ยั่งยืนที่ใช้ซ้ำ รีไซเคิลได้ พลังงานสะอาดครบวงจร และนวัตกรรมเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงจากโครงการลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ เน้นบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ คว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริการของไทย 

คาดว่าตลาดอาเซียนจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนาม มุ่งสู่ผู้นำธุรกิจกรีนที่สร้างการเติบโตให้ธุรกิจพร้อมสร้างสังคม Net Zero ที่น่าอยู่สำหรับทุกคน ตั้งงบลงทุน 40,000 ล้านบาท เน้นลงทุนนวัตกรรมรักษ์โลก พลังงานสะอาด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีความต้องการและเติบโตได้อีกมาก สะท้อนจากยอดขาย SCG Green Choice ปี 2566 อยู่ที่ 54% ของยอดขายทั้งหมด อีกทั้งเร่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High-Value Added Products & Services – HVA) เชื่อมั่นสามารถเพิ่มความหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าตรงใจ ฉับไว พร้อมเร่งทรานส์ฟอร์มโครงสร้างธุรกิจตามกลยุทธ์สร้างความคล่องตัว แข็งแกร่งและเติบโตระยะยาว เพื่อรับความท้าทายต่าง ๆ ให้ทันท่วงที เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลให้ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่งผันผวน เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

นายธรรมศักดิ์กล่าวปิดท้ายว่า “เศรษฐกิจไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดี ซึ่งมีโอกาสเติบโตอีกมาก  หากเร่งผลักดันโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพร้อมเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และอำนวยความสะดวกในการลงทุนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ควรส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตาม ESG ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกให้การยอมรับ เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว ล่าสุด เอสซีจี ได้รับดัชนีความยั่งยืนชั้นนำโลก ESG Industry Top Rated ลำดับที่ 1 จาก 125 บริษัทในกลุ่ม Industrial Conglomerate ทั่วโลก ซึ่งจัดอันดับโดย Morningstar Sustainalytics สะท้อนถึงธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่กับการพัฒนาสังคม สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน จากการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ – ภายใต้เชื่อมั่น โปร่งใส)

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 6.0 บาท รวมเป็นเงิน 7,200 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54 ของกำไรไม่รวมรายการพิเศษ ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกในอัตราหุ้นละ 2.5 บาท เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 3.5 บาท

การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวให้จ่ายแก่ผู้ถือหุ้นเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลตามข้อบังคับของบริษัท ตามที่ปรากฏรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 5 เมษายน 2567 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 4 เมษายน 2567) โดยมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เมษายน 2567 และให้รับเงินปันผลภายใน 10 ปี”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสิกรไทย โชว์ผลประกอบการไตรมาส 1 ทำกำไร 13,486 ล้านบาท

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังคงเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า

'เน็กซ์‘ ปลื้มรถอีวีโตต่อเนื่อง ชี้ปี 66 กวาดรายได้ 9.3 พันล้านบาท

เน็กซ์‘ปลื้มรถอีวีโตต่อเนื่อง ดันผลประกอบการ NEX มีรายได้กว่า 9.3 พันล้านบาท มั่นใจปี 67 นโยบายรัฐสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ดันเป้าหมายรายได้ 2 หมื่นล้านบาท

รัฐผนึกเอกชน จัดมหกรรมด้านพลังงานสุดยิ่งใหญ่! SustainAsia Week 2024

ภาครัฐจับมือภาคเอกชนจัดงานยิ่งใหญ่ SustainAsia Week 2024 มหกรรมพลังงานที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Low Carbon & Sustainable ASEAN Economy” ผนึกกำลังจัด 5 งานควบคู่กัน ระหว่างวันที่ 15-17 สิงหาคม 2567