19 ก.พ. 2567 – นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการจับกุมพนักงานธนาคารรายหนึ่งขายข้อมูลลูกค้าให้บุคคลภายนอกนั้น ธปท.อยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.ข้อมูลที่หลุดไปเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากระบบหรือไม่ ในกระบวนการมีการปกป้องข้อมูล การเข้าถึงและการนำข้อมูลไปใช้อย่างไร หรือ 2.เกิดจากพนักงานทุจริต ซึ่งจากการการตรวจสอบดำเนินการของธนาคาร ได้ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวออก และมีการฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
“ธปท.ได้เข้าไปดู พร้อมกับประสานงานกับจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต่อไปจะให้ธนาคารรายที่มีปัญหาดังกล่าวออกมาเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้น ถ้าเรื่องทุกอย่างมีความชัดเจน ยอมรับว่า ถ้าเจอคนที่ตั้งใจมาโกงมันก็ป้องกันได้ยาก แต่ธนาคารก็ต้องทำให้เห็นว่าจะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพนักงาน เพราะถือว่าเป็นความผิดที่มีโทษร้ายแรง” นางสาวสุวรรณี กล่าว
ส่วนกรณีประเด็นที่มีการระบุว่า มีการดูดเงินออกจากบัญชีเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ธปท.ชี้แจงว่า กรณี Bill Attack ได้รับรายงานแล้ว กรณีนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 1-2 ครั้ง และหากเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ก็ต้องดูแลลูกค้าอย่างเต็มที่ ธปท.ก็พยายามทำเต็มที่ เท่าที่ทำได้ เมื่อเกิดเหตุก็มีการติดตามทันที แต่ก็ขอฝากให้ผู้ใช้บริการต้องดูแลความเสี่ยงของตัวเองด้วย ช่วยกันดูทั้ง 2 ด้าน เพราะแอปพลิเคชั่นถือเป็นแหล่งข้อมูล และทรัพย์สินที่สำคัญไปแล้ว
สำหรับข้อเสนอของสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ต้องการ ธปท.ผ่อนคลายมาตรการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ 5% ต่ออีกระยะหนึ่ง จากปัจจุบันปรับขึ้นมาอยู่ที่ 8% ก็ต้องนำมาหารือข้อดีข้อเสีย ซึ่งการจ่ายขั้นต่ำนาน ๆ ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น จะเกิดกับเจ้าหนี้ และที่ผ่านมาผู้ประกอบการบัตรเครดิต 11 ราย ก็ให้ความร่วมมือในการตัดวงจรหนี้ โดยมีการปรับเปลี่ยนประเภทหนี้ ลดวงเงินชำระ และอัตราดอกเบี้ยแล้ว
นางสาวสุวรรณี กล่าวว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง โดยสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ปี 2566 หดตัวเล็กน้อยที่ -0.3% จากระยะเดียวกันปีก่อนจากการทยอยชำระคืนหนี้ของภาคธุรกิจหลังเร่งขยายตัวต่อเนื่องเพื่อเสริมสภาพคล่องในช่วงโควิด โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ธุรกิจขนาดใหญ่ภาคอุตสาหกรรม และภาครัฐ กอปรกับมีการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไตรมาส 4 ปี 2566 ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.92.8 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.66% ต่อสินเชื่อรวม โดยเป็นการลดลงจากสินเชื่อธุรกิจเป็นหลักจากการบริหารจัดการคุณภาพหนี้และการกลับมาชำระคืนหนี้ ขณะที่ยอดคงค้าง NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคยังเพิ่มขึ้นในทุกพอร์ต สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.51 แสนล้านบาท ขณะที่หนี้ครัวเรือนคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 91% ต่อจีดีพี ในไตรมาส 4/2566
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'พิชัย' เซ็ง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ยถามสังคมแบบนี้ควรมีอิสระไหม!
'พิชัย' ผิดหวัง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ แต่กลับไม่เดือดร้อน ชี้ไม่ใช่หน้าที่แบงก์ชาติมากำหนดอัตราการเติบโต แนะอย่าอ้างว่าต้องอิสระบนความเดือนร้อนของประชาชน
'เศรษฐา' โยนบาปแบงก์ชาติ! ปมคนมีเงินฝาก 5 แสนไม่ได้ดิจิทัล
นายกฯ ย้ำทำตามคำแนะนำ ธปท. ดูแลเฉพาะกลุ่ม ชี้กลไกเดิน พี่น้อง 50 ล้านคนได้สตางค์
นายกฯ แขวะ 'ธปท.' ชมคนพูดลดดอกเบี้ยจิตใต้สำนึกดี
'เศรษฐา' แขวะ 'แบงก์ชาติ' ไม่ยอมหั่นดอกเบี้ย ชมเปาะเหล่าทัพ-หน่วยงานรัฐ มีจิตสำนึกดีอยากให้ลด ขอบคุณเห็นความลำบากประชาชน ย้ำเรื่องหนี้สารตั้งต้นหายนะประเทศ
แจกเงินดิจิทัล เริ่มขยับ! 'เศรษฐา' จ่อคุย 'จุลพันธ์' หลังครบเดดไลน์
'เศรษฐา' จ่อถก 'จุลพันธ์' ตามความคืบหน้าดิจิทัลวอลเล็ต หลังครบเดดไลน์ 30 วัน อุบหารือ 'ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ'
'กุนซือนายกฯ' กระทุ้งอีก! 'ธปท.' ต้องเร่งลดดอกเบี้ย
'พิชัย' ห่วงเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำ หลังเงินเฟ้อติดลบ 5 เดือนซ้อนสวนทางโลก จี้ ธปท. หั่นดอกเบี้ยนโยบาย ลดช่วงห่างเงินกู้เงินฝาก ตามสภาพัฒน์ฯ แนะนำ
‘อดีตเลขาฯรมว.ตท.’ เตือน กดดันลดดอกเบี้ย อาจเสี่ยงซ้ำรอยวิกฤตค่าเงินบาทปี’40
อย่าทำลายความเป็นอิสระ ความเป็นกลาง อย่าทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารชาติ จะกระทบต่อฐานะเงินบาทในภูมิภาค