ไม่ติด!! 'คลัง' ยันพร้อมหารืออย่างละเอียด หลัง 'พลังงาน' เล็งออกกฎหมายคุมภาษีน้ำมันเอง ชี้ต้องเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมแจงเตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้าเคาะลุยรีดภาษีสินค้านำเข้าไม่เกิน 1,500 บาท
9 พ.ค. 2567 -นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานเตรียมเร่งร่างกฎหมายปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และเล็งดึงอำนาจกำหนดเพดานภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลับมาไว้ที่กระทรวงพลังงาน ว่า เรื่องนี้เป็นแนวคิดของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน โดยมองว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ขอให้มาหารือร่วมกันก่อน
ทั้งนี้ อาจจะต้องมาพิจารณาถึงผลกระทบอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าในส่วนของรัฐจะต้องมาดูเรื่องการสูญเสียรายได้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่มองว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก เรื่องหลักคือประชาชนจะได้ประโยชน์ในเรื่องของราคาพลังงานที่ถูกลงจริงหรือไม่ และคงไม่ใช่แค่ดูเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น แต่ต้องดูผลในระยะยาวด้วย ต้องคิดให้รอบคอบ โดยยืนยันว่ากระทรวงการคลังไม่ได้ติดใจสำหรับการที่จะต้องมาคุยกันอยู่แล้ว พร้อมเปิดทางให้กระทรวงพลังงานมาหารือกัน
“เรื่องนี้ต้องมาหารือร่วมกัน เพราะถ้าสามารถปรับโครงสร้างราคาพลังงานได้ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน ซึ่งกระทรวงการคลังก็ต้องเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่รายละเอียดคงจะต้องมาหารือกันอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะจริง ๆ แล้วกระทรวงการคลังก็มีแนวคิดเรื่องภาษีสรรพสามิตที่อยู่ในด้านพลังงานที่จะปรับให้เป็นการมุ่งสนับสนุนเรื่อง ESG หรือ Green ต่าง ๆ ที่เรากำลังดูโครงสร้างเรื่องพวกนี้ให้มีความเหมาะสม โดยไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้พลังงาน และจะช่วยเพิ่มบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกเรื่องพลังงานสะอาดด้วย” นายจุลพันธ์ กล่าว
สำหรับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่า (Low-Value Goods) ราคาไม่เกิน 1,500 บาทนั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า คาดว่าจะมีการเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินการคงต้องรอก่อน เพราะเป็นเรื่องกฎหมายคงพูดก่อนไม่ได้ ส่วนกรณีเรื่องการปัดฝุ่น LTF นั้น ยอมรับว่ามีประเด็นเรื่องรายได้ที่อาจจะหายไปหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งรอบที่แล้วก็เป็นแบบนี้ โดยคงต้องรอให้กรมสรรพากรไปศึกษาดูผลกระทบและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ก่อนสรุปให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง พิจารณา โดยทั้งหมดคงต้องขึ้นอยู่กับตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย
