
‘เผ่าภูมิ’ เคาะปิดดีลแผนใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท พร้อมชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาได้ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ เมิน World Bank หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือโต 1.8% ชี้เศรษฐกิจยังฝุ่นตลบ เชื่อไม่มีใครประเมินตัวเลขได้อย่างถูกต้องที่สุด การันตีรัฐบาลลุยเข็นมาตรการประคองต่อเนื่อง
11 มิ.ย. 2568 – นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อจัดสรรเม็ดเงินงบประมาณที่จะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการที่จะใช้เม็ดเงินดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีคำขอใช้งบประมาณเข้ามา 4 แสนกว่าล้านบาท โดยระหว่างนี้ได้มีการเชิญหน่วยงานต้นของโครงการต่าง ๆ เข้ามาชี้แจง ให้ข้อมูลและแลกเปลี่ยนความจำเป็นในมิติต่าง ๆ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปและสามารถเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาได้ไม่ได้ 1-2 สัปดาห์นี้
“ตัวเลขสุดท้ายจะเป็นอย่างไร คงพูดวันนี้ไม่ได้ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ อยู่ระหว่างพิจารณาในมิติต่าง ๆ โดยต้องอย่าลืมว่าตรงนี้เป็นเงินจำนวนมาก และมีนัยสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นรัฐบาลและผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบจะต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน ใช้ความวิริยะอุตสาหะ และใช้ความรอบคอบในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ” นายเผ่าภูมิ ระบุ
ส่วนกรณีที่ธนาคารโลก (World Bank) มีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2568 เหลือ 2.3% ขณะเดียวกันได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทย เหลือ 1.8% และปี 2569 เหลือ 1.7% นั้น นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในภาวะฝุ่นตลบ และขณะนี้ยังไม่มีใครที่จะสามารถรู้ผลสุดท้ายของผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ ได้อย่างชัดเจนจนสามารถทำเป็นตัวเลขออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ในการรับฟังและทำหน้าที่ในการบริหารเศรษฐกิจให้ดีและตรงกับสถานการณ์มากที่สุด
ทั้งนี้ มองว่าการประเมินเป็นไปตามรอบ คนที่อยู่ในรอบของการประเมินก็มีหน้าที่ประเมินด้วยข้อมูลที่ดีที่สุด ณ วันนั้น โดยถามว่าข้อมูลเศรษฐกิจตอนนี้นิ่งแล้วหรือยัง คำตอบคือ “ยังไม่นิ่ง” ซึ่งในส่วนของประเทศไทยตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการเข้าสู่การเจรจาอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่รัฐบาลทำงานเบื้องหลังมานานแล้ว และเชื่อว่าผลของการเจรจาน่าจะมีแนวโน้มที่ดีด้วย
“อย่างที่บอกว่าคนประเมินก็มีหน้าที่ประเมินของเขาไป รัฐบาลก็มีหน้าที่รับฟังและทำให้ดีที่สุด ให้ตรงกับสถานการณ์มากที่สุด แต่ตอนนี้ In Put ยังไม่นิ่ง Out Put มันก็เลยยังไม่ชัดเจน เราก็ต้องติดตามสถานการณ์ไปเรื่อย ๆ และต้องมีมาตรการในการประคองสถานการณ์ออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งอย่างที่เห็นว่ารัฐบาลมีการใส่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไปให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ เมื่อสภาวะการณ์เปลี่ยนเราก็มีการเปลี่ยนตัวเม็ดเงินในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทีุ่กคนทราบ” นายเผ่าภูมิ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สว. ลุยตั้ง กมธ.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ อัด 'พิชัย' เชื่องช้าเจรจาภาษีสหรัฐ
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอญัตติตั้ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน ที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมวถฒิสภาฯ วันที่ 15 ก.ค.