
‘TIPMSE’ รวมพลังรวมพลังขับเคลื่อน การจัดการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ด้วยหลัก EPRเ ปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ ชู4กลยุทธ์ร่วมผลักดัน พัฒนากลไก EPR ระบบเก็บกลับ สร้างการมีส่วนร่วม และออกแบบเพื่อการรีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนสร้างมูลค่าเพิ่ม
30 ก.ย.2568 - นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในงาน’รวมพลังขับเคลื่อน EPR(Extended Producer Responsibility)’ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ ที่จัดโดยสถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ TIPMSE ว่า ส.อ.ท. มีเป้าหมายในการเร่งยกระดับอุตสาหกรรมเดิมและพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) สอดรับกับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลก (Global Challenges) โดยไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อได้อย่างมั่นคง ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
สำหรับกลไก EPR ของไทย ขณะนี้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ TIPMSE ภายใต้ ส.อ.ท. ได้เตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกที่มีอยู่กว่า 16,000 ราย เข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการขับเคลื่อนการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ TIPMSE ได้วางแผนดำเนินการใน 4 ด้าน เพื่อพัฒนาการเก็บคืนบรรจุภัณฑ์เข้าสู่ระบบรีไซเคิล ประกอบด้วย 1.) พัฒนากลไก EPR ที่เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อพัฒนาร่างกฎหมาย รวมถึงร่วมกับองค์กรในและต่างประเทศ ทำระบบจัดการข้อมูล EPR รวมถึงซากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และคำนวณค่าธรรมเนียม (EPR Fee) และโครงสร้างขององค์กรรับผิดชอบการจัดการบรรจุภัณฑ์ (Producer Responsibility Organization : PRO)
2.)พัฒนาระบบเก็บกลับ เพื่อให้เกิดต้นแบบการจัดเก็บตามหลักการ EPR โดยได้นำร่องในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ในโครงการ Packback: Chonburi CE City Model และถอดบทเรียน โดยปีนี้มีแผนยกระดับความร่วมมือในการทดลอง Voluntary PRO และศึกษาวิธีทำงานร่วมกันของ PRO หน่วยงานท้องถิ่น และภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
3.)สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยขยายความร่วมมือกับองค์กรที่เป็นศูนย์รวมของกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงองค์กรต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนตลอดเส้นทางห่วงโซ่คุณค่าของบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้เป็นกลไกเครือข่ายการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” หรือ EPR Network
และ4พัฒนาองค์ประกอบอื่นๆ ผลักดันให้เกิดแนวคิดการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (Design for Recycle) ที่จะช่วยให้บรรจุภัณฑ์กลับมาเป็นวัตถุดิบได้ รวมถึงการพัฒนามาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุน EPR เช่น ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดให้ใช้ PCR จากแหล่งที่มาภายในประเทศมาใช้ การออกใบรับรองหน่วยงานร่วมขับเคลื่อน (EPR Certification) ที่จะเข้ามาช่วยให้ทุกฝ่ายที่เข้ามามีส่วนร่วมได้รับประโยชน์จากการทำงาน เพื่อใช้ในการสื่อสารและสร้างภาพลักษณ์
นายโฆษิต สุขสิงห์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และประธาน TIPMSE กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญ เนื่องจาก TIPMSE ดำเนินงานมาจะครบ 20 ปี ของการก่อตั้งสถาบันฯ ในเดือนธันวาคมนี้ โดยสถาบันฯ มีเป้าหมายผลักดันให้เกิดการ 'เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นวัตถุดิบ' ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง ภายใต้ความร่วมมือของภาคีเครือข่าย EPR Network ที่ขยายจากเดิมกว่า 149 หน่วยงาน มาสู่องค์กรศูนย์กลาง ที่ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนทั้งการกระจายข่าวสาร ข้อมูลและความรู้ และผลักดันให้บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วกลับมาเป็นวัตถุดิบในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
แนวทางดังกล่าว มุ่งเน้นการส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ควบคู่กับการสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สังคม อันเป็นผลจากความร่วมมือที่เข้มแข็งของหลายภาคส่วน ซึ่งได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม เครือข่ายยังต้องทำงานอย่างต่อเนื่องและขยายการสื่อสารเรื่อง EPR ไปยังองค์กรสมาชิกให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
สำหรับการขับเคลื่อน EPR เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นวัตถุดิบ (EPR in Action) ในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ TIPMSE สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นในงาน Sustainable Expo หรือ SX2025 ทั้งนี้ ในแต่ละปีจะมีการขยายความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อให้การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการแนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานรับมือ MOUแร่แรร์เอิร์ธ
'นักวิชาการสิ่งแวดล้อม' แนะนายกฯ ตั้งคณะทำงานศึกษา-รับมือ เอ็มโอยูสหรัฐรุกไทยแร่หายาก ค้านตั้งเหมือง เต็มที่แค่ตั้งโรงงานสกัด เหตุเสี่ยงเจอมลพิษ สารปนเปื้อน กัมมันตภาพรังสี
ชำแหละ 4 ข้อ ไทยเสียเปรียบสหรัฐ MOU แร่หายาก
รุมจวก "MOU แรร์เอิร์ธ" ชี้ไทยเสียเปรียบเต็มประตูกลายเป็นเบี้ยล่างสหรัฐ สส.ปชน. เผย 4 ข้อถูกบีบ ขณะที่นักวิชาการเชื่อซ้ำเติมสถานการณ์สารพิษเหมืองแร่ลงแม่น้ำข้ามแดน
นักวิจัยชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้
นักวิจัยคะฉิ่นชี้ต้องใช้เวลาอีก 50-100 ปี ถึงจะฟื้นฟูธรรมชาติปนเปื้อนสารพิษเหมืองแรร์เอิร์ทได้ แฉจีนเอาแต่ตักตวงผลประโยชน์-ไม่สนใจผลกระทบของเพื่อนบ้าน


