16 ก.ค.2565 - ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในประเด็นข้อกฎหมาย
เกี่ยวกับระเบียบที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 นอกจากจะมีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการส่งใบสั่งทางไปรษณีย์ พ.ศ. 2565 ตามที่สื่อมวลชนสำนักต่าง ๆ นำไปเผยแพร่แล้ว ยังมีระเบียบอื่น ๆ อีก 6 ฉบับ ซึ่งมีความสำคัญและความน่าสนใจที่ผู้ขับขี่รถควรต้องรู้ไว้ด้วย ดังนี้
1. ระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบก โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 142/1 วรรคสอง และมาตรา 142/4 และใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566)
ระเบียบนี้ถือเป็นระเบียบสำคัญ เนื่องจากเป็นกฎหมายลำดับรองหรือกฎหมายลูกซึ่งรองรับการบังคับใช้มาตรา 142/1 ในการตัดคะแนนความประพฤติ โดยแต่เดิมมาแม้จะมีการแก้ไข พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2562 แต่ก็ยังไม่สามารถบังคับใช้มาตรา 142/1 เพื่อตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถได้ เนื่องจากยังไม่มีการออกกฎหมายลูกมารองรับ
ระเบียบนี้กำหนดหลักเกณฑ์ในการบันทึกคะแนน การตัดคะแนน และการคืนคะแนนความประพฤติในการขับรถ โดยเริ่มแรกผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่แต่ละรายมีคะแนนความประพฤติในการขับรถเพื่อใช้ในการบันทึกคะแนนตามระเบียบนี้ จำนวนคนละไม่เกิน 12 คะแนน และการตัดคะแนน มีตั้งแต่ตัดคะแนนครั้งละ 1 คะแนน ครั้งละ 2 คะแนน ครั้งละ 3 คะแนน และครั้งละ 4 คะแนน ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ซึ่งถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถจนเหลือศูนย์คะแนนจะถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ทุกชนิดคราวละ 90 วัน สำหรับสาระสำคัญของระเบียบนี้ เนื่องจากมีรายละเอียดมากจึงจะได้กล่าวถึงแยกต่างหากในครั้งต่อไป
2. ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 142/1 วรรคสาม และมาตรา 142/2 และใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566)
สาระสำคัญของระเบียบนี้ คือ
(1) ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ จนเหลือศูนย์คะแนน ให้ดำเนินการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ทุกประเภทของผู้นั้นคราวละ 90 วัน
(2) คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ให้ทำเป็นหนังสือและให้แจ้งให้นายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทราบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
(3) ให้นับวันเริ่มต้นของคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับจากวันที่คะแนนของผู้ขับขี่นั้นเป็นศูนย์คะแนน
3. ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 142/5 วรรคสอง และใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
สาระสำคัญของระเบียบนี้ คือ ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้กระทำความผิดที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ครั้งละไม่เกิน 90 วัน โดยให้พิจารณาถึงความร้ายแรงตามพฤติการณ์แห่งกรณี
(1) มีเหตุหรือก่อให้เกิดหรือน่าจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสาธารณะ หรือ
(2) มีลักษณะเป็นภัยแก่ประชาชนอย่างร้ายแรง หรือ
(3) มีพฤติการณ์หลบหนีเมื่อตนเองก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น
การแจ้งคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ให้ทำเป็นหนังสือ โดยมีรายละเอียดตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้ และให้แจ้งให้นายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทราบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
4. ระเบียบว่าด้วยการยึดใบอนุญาตขับขี่ การบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราว พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบก โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 140/2 และใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566)
สาระสำคัญของระเบียบนี้ คือ
(1) ในกรณีที่เจ้าพนักงานจราจรได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ตามมาตรา 140 แล้ว หากเจ้าพนักงานจราจรเห็นว่า ผู้นั้นอยู่ในสภาพที่หากให้ขับรถต่อไปอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น ให้เจ้าพนักงานจราจรเรียกดูใบอนุญาตขับขี่ หากผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่อยู่กับตัว ให้เจ้าพนักงานจราจรที่มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไป มีอำนาจยึดใบอนุญาตขับขี่ หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้ผู้นั้นขับรถต่อไปอีก
แต่หากไม่สามารถยึดใบอนุญาตขับขี่หรือบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ ให้เจ้าพนักงานจราจรที่มียศตั้งแต่ร้อยตำรวจตรีขึ้นไปมีอำนาจระงับการใช้รถเป็นการชั่วคราวเพื่อมิให้ผู้นั้นขับรถ
(2) ให้เจ้าพนักงานจราจรคืนใบอนุญาตขับขี่ หรือยกเลิกการบันทึกการยึดใบอนุญาตขับขี่ด้วยวิธีการทางข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขับขี่อยู่ในสภาพที่สามารถขับรถต่อไปได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สินของตนเองหรือผู้อื่น
5. ระเบียบว่าด้วยการประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับประวัติและการกระทำความผิดตามกฎหมายของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลทะเบียนรถ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้อง พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและอธิบดีกรมการขนส่งทางบก โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 4/1 และใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
สาระสำคัญของระเบียบนี้ คือ
(1) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกจัดให้มีข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ประกอบด้วย ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติและการกระทำความผิดตามกฎหมายของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลทะเบียนรถ และข้อมูลอื่นที่เกี่ยวข้องและจัดให้มีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อให้มีการประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน
(2) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก ประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รวบรวมจัดเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในฐานข้อมูลของแต่ละฝ่าย เพื่อควบคุมและบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของตน
(3) ให้กรมการขนส่งทางบกประสานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ในส่วนของข้อมูลประวัติอาชญากรรมเท่าที่จำเป็นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมให้เข้าถึงข้อมูลจากบุคคลเจ้าของประวัติก่อน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาและตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่ ผู้ขอต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ หรือผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่
6. ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการอุทธรณ์คำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ. 2565 ออกโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 142/8 และใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
สาระสำคัญของระเบียบนี้ คือ
(1) ผู้ได้รับคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบกฯ มาตรา 142/1 หรือมาตรา 142/5 มีสิทธิอุทธรณ์ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง
(2) การอุทธรณ์ต้องทำเป็นหนังสือโดยระบุข้อโต้แย้งประกอบข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายและเหตุผลในการอุทธรณ์ และลงลายมือชื่อและที่อยู่ของผู้อุทธรณ์
(3) ให้ผู้อุทธรณ์ยื่นหนังสืออุทธรณ์ด้วยตนเองหรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับต่อผู้ที่มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ โดยตรงภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
(4) ให้พิจารณาอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จในกำหนดให้ถือว่าคำอุทธรณ์มีผลและให้ถือว่าคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่สิ้นสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สาเหตุรถติดสาหัสเช้านี้ ผู้รับเหมาปิดถนนแจ้งวัฒนะ จาก 3 เลนเหลือ 1 โดนด่ายับ!
FM91 Trafficpro รายงานสภาพการจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะรถติดสาหัสขยายเป็นวงกว้าง โดยระบุว่า เมื่อเวลา 08.15 น. จร.สน.ทุ่งสองห้อง กำลังประสานกับผู้รับเหมา ให้ช่วยมาเปิดแบริเออร์ แนวก่อสร้าง ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก
เตือนแล้ว! รัฐบาลเอาจริง ตัดแต้มใบขับขี่คนทำผิดจราจร
รัฐบาลฮึ่ม ! ลุยเอาจริง ตัดแต้มใบขับขี่คนทำผิดจราจร จับอบรมถ้าอยากได้คะแนนคืน หวังมุ่งสร้างวินัย ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
ตำรวจน้ำดี! ผบ.ตร. มอบโล่ประกาศเกียรติคุณ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล ให้กับหน่วยงานที่มีผลการปฏิบัติงาน
อ่านเลย! โทษกม.จราจรใหม่! ไม่หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย ปรับ 4 พัน ตัดแต้มทันที 1 คะแนน
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สาระสำคัญของกฎหมายจราจรฉบับใหม่ เน้นการเพิ่มโทษใน
21 ม.ค. “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” รำลึกการจากไปของ “หมอกระต่าย”
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2566 ที่โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ คณะกรรมการบูรณาการกู้ชีพฉุกเฉินและความปลอดภัยทางถนน วุฒิสภา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ ภาคีเครือข่าย จัดกิจกรรม “
ตำรวจเตือนขาซิ่ง ‘ตัดคะแนนใบขับขี่’ เริ่มใช้ 9 ม.ค.นี้
เตือนการตัดคะแนนใบขับขี่ เริ่มวันที่ 9 ม.ค.66 ระบุว่า ระบบตัดคะแนนความประพฤติ หรือ “ตัดคะแนนใบขับขี่”