อัยการนำตัว 'ชัยวัฒน์' ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตแล้ว

5 ก.ย. 2565 – เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมนายบุญแทน บุษราคำ, นายธนเสฏฐ์ หรือ ไพฑูรย์ แช่มเทศ และนายกฤษณพงษ์ จิตต์เทศ ผู้ต้องหาที่1 – 4 ในการเสียชีวิต นายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาส่งตัวให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

โดย นายชัยวัฒน์ ได้เดินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้ไม่ได้มีความกังวลใจ และได้เตรียมเอกสารเพื่อนำมาประกันตัวพร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ทุกคน และที่ผ่านมา ตนเองได้ให้การปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้ทำอะไร และวันนี้เมื่อทุกอย่างมาถึงขั้นตอนของศาลแล้ว ตนเองรู้สึกโล่งใจมากกว่า และไม่ได้รู้สึกน้อยใจในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย กลับรู้สึกขอบคุณเสียมากกว่า เพราะมันถึงเวลาแล้วที่ต้องทำแบบนี้ เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงสักที รวมถึงประเด็นที่ว่า ตนเองเป็นผู้ลงมือสั่งการและเผาบ้าน ของ ปู่คออี้ และ มอแอะ ชาวบ้านบางกลอย จำนวน 2 หลัง แต่ท้ายที่สุดหลักฐานได้ชี้จัดว่า ปู่คออี้ และมอแอะ นั้นอยู่บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาเป็นการสร้างหลักฐานเท็จ ให้การเท็จ และแจ้งเท็จ โดยตนเองก็พิสูจน์แล้ว และอยากให้สังคมคอpติดตามดูความจริงคืออะไร และตนเองก็ยังไม่ฟ้องกลับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนยังเกี่ยวข้องกับกรณีที่ดินชาวบ้านบางกลอยที่ยังพิพาทกันอยู่ตอนนี้

เมื่อถามกระทบกับการทำงานราชการหรือไม่ นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทางผู้ใหญ่และน้องๆ ทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยืนยันไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และตนก็ทำงานในการปกป้องป่าตามปกติ ซึ่งยังรู้สึกเห็นใจลูกน้องที่ต้องมาพัวพันในคดี โดยลูกน้องทุกคนรู้สึกท้อใจ เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไร แต่กลับมาโดนคดี และมองว่าไม่ว่าใครที่อยู่ใกล้ชิดตนเองก็มักจะซวยตามไปด้วย

ด้านนายพรชัย พฤกษ์พิชัยเลิศ ทนายความของนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนการต่อสู้คดีนั้นยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะต้องดูฝั่งของทางอัยการในขั้นตอนการตรวจหลักฐานสืบพยานก่อน ว่ามีพยานหลักฐาน พยานบุคล หรือวัตถุพยานอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นเงินสด คนละ1 ล้านบาท

โดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหา ทั้ง 4 คน ได้แก่ “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ไว้ก่อน และเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้, ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันโดยทุจริตหรือเพื่ออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป

จากนั้นเวลา 10.15 น. คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำตัว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก รวม 4 คน ไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร เพื่อส่งตัวให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ยื่นฟ้องเป็นจำเลยคดีต่อศาลดังกล่าวตาม ขั้นตอนกฎหมายต่อไป

กระทั่งเวลา 10.43 น.นายชัยวัฒน์กับพวกเดินทางมาถึงศาลอาญาคดีทุจริตฯ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

‘จักรภพ’ เดินสายรายงานตัวอัยการ รับทราบข้อหาคดีอาวุธสงครามที่ฉะเชิงเทรา

จักรภพ แจ้งจะไปรายงานตัวที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอาวุธสงครามที่พบในจังหวัดฉะเชิงเทราเมื่อหลายปีก่อน

'สมคิด' โต้ 'ชัยวัฒน์' ยันไม่มีนักการเมืองเผาป่า ท้ามีหลักฐานให้ส่งมา อย่ารักป่าคนเดียว

'สมคิด' ตอกกลับ 'ชัยวัฒน์' หลังวิจารณ์ รัฐบาล-ฝ่ายค้าน เผาป่าเอาผลงาน บอกคิดตื้นๆ ฝากกระทรวงทรัพย์ฯ ตรวจสอบ พูดลอยๆ ชี้หากมีหลักฐานให้ส่งมาไม่ไว้หน้าใครแน่นอน ลั่นอย่ารักป่าคนเดียว

คณะทำงานคดีอุ้มทรมานลุงเปี๊ยก ฟันตำรวจอรัญฯ ข้อหา ม.157-พรบ.อุ้มหาย

นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบหรือกำกับการสอบสวนตามมาตรา 31 แห่ง พรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ร่วมประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ใ