'ยูเอ็น' ยินดี ไทยประกาศใช้ กม. ป้องกันทรมาน-อุ้มหายฯ

31 ต.ค. 2565 – เว็บไซต์สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ยินดีที่ประเทศไทยประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

โดย น.ส.ซินเทีย เวลิโก้ ผู้แทนประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ระบุว่า การประกาศใช้กฎหมายนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการปราบปรามการทรมาน การทารุณกรรม และการกระทำให้บุคคลสูญหายในประเทศไทย ซึ่งมีบทบัญญัติในการเอาผิดผู้กระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และมีเนื้อหาครอบคลุมหลักการที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการที่จะไม่ถูกทรมานเป็นสิทธิมนุษยชนที่ไม่อาจระงับชั่วคราวได้ (non-derogation) และหลักการไม่ส่งใครกลับไปเผชิญอันตราย (non-refoulement) ซึ่งป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขับไล่ เนรเทศ หรือส่งบุคคลใดไปยังอีกประเทศหนึ่งที่เขาอาจเผชิญความเสี่ยงต่อการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (cruel, inhuman or degrading treatment) หรือการกระทำให้บุคคลสูญหาย ทั้งนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่การประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

โดย พ.ร.บ.นี้ จะทำให้ผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยบังคับหรือไม่สมัครใจและญาติ มีกรอบทางกฎหมายในการเรียกร้องการเยียวยาทางกฎหมาย รวมถึงการเอาผิดผู้กระทำผิดจากอาชญากรรมอันเลวร้ายนี้ประเทศไทยมีกรณีการกระทำให้บุคคลสูญหายที่คณะกรรมการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการกระทำให้บุคคลสูญหายโดยบังคับหรือไม่สมัครใจ (The United Nations Working Group on Enforced or Involuntary Disappearances) บันทึกว่ายังไม่ได้รับความกระจ่างชัดทั้งสิ้น 76 กรณี

ผู้แทนประจำภูมิภาคฯ เน้นย้ำว่า ยังมีบทบัญญัติในกฎหมายสามประการที่ควรได้รับการแก้ไข เพื่อให้พ.ร.บ.นี้ เป็นไปตามกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน ได้แก่ การอภัยโทษในฐานความผิดตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ การรับฟังพยานหลักฐานที่ได้จากการทรมานในกระบวนการดำเนินคดีทางอาญา และการกำหนดอายุความของคดีการกระทำให้บุคคลสูญหาย

“สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติขอชื่นชมประเทศไทยที่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ในการทบทวนสิทธิมนุษยชนครั้งล่าสุด ตามกระบวนการ Universal Periodic Review หรือ UPR ทั้งนี้ หลังจากที่มีกรอบกฎหมายบังคับใช้ในประเทศแล้ว ประเทศไทยสามารถดำเนินการให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance) และ พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (Optional Protocol to the Convention against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment) ในลำดับถัดไป สำนักงานเพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทางเทคนิคแก่รัฐบาลตามที่มีความจำเป็น” น.ส.ซินเทีย ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดจดหมาย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยฯ ประจานพฤติกรรมเขมรต่อประชาคมโลก

กต.เผยจดหมาย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยฯถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงฯ ระบุการละเมิดต่อเนื่องของกัมพูชา

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ‘สีหศักดิ์’ ไปร่วม UNGA ทำได้ ไม่ขัด รธน.

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า เมื่อ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนู

'อนุทิน' สุดภูมิใจ 'สีหศักดิ์' เปิดโรงปมเขมรเวทีโลกเป็นหน้าตาให้รัฐบาล

“อนุทิน”ปลื้ม สีหศักดิ์ปกป้องศักดิ์ศรีคนไทย แม้ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ลั่นรัฐบาลเชื่อมทหารได้ 100 % ไม่ต้องผ่านตัวกลางเหมือนยุคแพทองธาร

ชื่นชม ‘สีหศักดิ์’ ปราศรัยในยูเอ็นตอกหน้า เขมร เล่นบทเหยื่อ

นายสุทิน วรรณบวร อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวต่างประเทศ โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า รมต. สีหศักดิ์ปราศรัยในยูเอนเมื่อคืนได้ดีเยี่ยมในรอบหลายสิบปี สมควรที่กระทรวงต่างประเทศรีบแปลเป็นภาษาไทยให้คนไทยได้อุ่นใจ

'อนุทิน' ไม่ไปร่วมประชุม UN หวั่นกลับมาไม่ทันแถลงนโยบาย เชื่อไทยไม่เสียโอกาสในเวทีโลก

"อนุทิน" เผยไม่ไปประชุม UNGA แล้ว หวั่นไม่ทันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เผยต้องการบริหารบ้านเมืองเต็มรูปแบบ เชื่อไทยไม่เสียโอกาสในเวทีโลก เหตุมีแนวทางแก้ชายแดนชัดอยู่แล้ว ลั่นไม่จำเป็นต้องคุยที่ UN คู่กรณีมีไม่เพียงไม่กี่ราย