นายกฯ เสนอความร่วมมือ 3 ด้าน ในการประชุมโต๊ะกลมผู้บริหารระดับสูงภาคเอกชนยุโรป ผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และยกระดับมาตรฐานอาเซียนไปสู่การค้าที่ยั่งยืน
14 ธ.ค.2565 - เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. เวลา 12.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักรเบลเยียม ซึ่งช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง) ณ โรงแรมโซฟิเทล บรัสเซลส์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมผู้บริหารระดับสูงในช่วงอาหารกลางวัน (C-Suite Roundtable Luncheon) ซึ่งจัดโดยสภาธุรกิจสหภาพยุโรป-อาเซียน (EU-ASEAN Business Council: EU-ABC) พร้อมนายฝั่ม มิญ จิ๊ญ (H.E. Mr. Pham Minh Chinh) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และนายแฟร์ดีนันด์ โรมูอัลเดซ มาร์โคส จูเนียร์ (Mr. Ferdinand Romualdez Marcos Jr.) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เข้าร่วมด้วย
นายกฯ กล่าวยินดีที่ได้พบกับผู้บริหารของสหภาพยุโรปและผู้บริหารจากภาคเอกชนชั้นนำของยุโรปในวันนี้ เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน ระหว่างภูมิภาคอาเซียน-ยุโรป และฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังโควิด-19 อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ บริบทโลกในปัจจุบันกำลังเผชิญกับความท้าทายในหลายมิติ ทั้งปัญหาความไม่เท่าเทียม สภาวะเงินเฟ้อ ความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม และวิกฤตด้านอาหารและพลังงาน ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากทั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสถานการณ์ความขัดแย้ง สะท้อนถึงความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ โดยเน้นความสมดุล ซึ่งรวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อโลก เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ครอบคลุม และเอื้อประโยชน์ให้ทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวว่า ประเทศไทยเดินหน้าสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยขับเคลื่อนผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยเน้นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งไทยในฐานะประธานเอเปกปีนี้ได้ผลักดันเรื่องนี้ในกรอบเอเปกจนบรรลุเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG จึงยินดีที่สหภาพยุโรปมีข้อริเริ่ม Global Gateway ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจ BCG และสามารถสนับสนุนกับกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียนได้ ซึ่งสหภาพยุโรปมีความเชี่ยวชาญและทรัพยากรที่จะช่วยสนับสนุนอาเซียนในเรื่องการผลิตและการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การขนส่ง พลังงานทดแทน และการจัดการของเสีย
โอกาสนี้ นายกฯ ได้เสนอความร่วมมือหลัก 3 ด้าน เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของอาเซียนและสหภาพยุโรปควบคู่ไปกับความยั่งยืน ดังนี้ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและยั่งยืน โดยอาศัยการเงินสีเขียวหรือการลงทุนเพื่อความยั่งยืนควบคู่ไปด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่หลายองค์กรและธนาคารในสหภาพยุโรปร่วมสนับสนุนเงินทุนให้แก่กองทุนการเงินสีเขียวของอาเซียน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เชื่อว่า สหภาพยุโรปยังสามารถสนับสนุนอาเซียนในการพัฒนา และสร้างเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพและคุ้มค่าในระยะยาว รวมทั้งสอดคล้องกับหลัก ESG ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) พร้อมหวังว่า ข้อริเริ่ม Global Gateway จะนำไปสู่การลงทุนของสหภาพยุโรปในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนในอาเซียนและในไทยมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยให้อาเซียนมีเครือข่ายพลังงาน คมนาคม และดิจิทัล ที่ทันสมัย สะอาด และยั่งยืนแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อการค้า การลงทุน และการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนยุโรปในอาเซียนด้วย
นายกฯ เชิญชวนให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปร่วมกับเขตเศรษฐกิจในเอเชียที่มีพึ่งพาการนำเข้าก๊าซ LNG สูง พิจารณาความร่วมมือในการจัดทำ LNG ในตลาดโลก รวมทั้งบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการนำเข้า LNG เช่น ท่าเรือ และคลังเก็บ LNG เพื่อช่วยลดความผันผวนด้านราคา และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของทั้งสองภูมิภาค
2.การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อาเซียนมีเป้าหมายสู่พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เป็นร้อยละ 23 ของสัดส่วนพลังงานในอาเซียน ภายในปี 2568 และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว ไทยได้เริ่มขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในประเทศให้ผลิตสินค้าจากพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนการใช้และการส่งออกสินค้าเหล่านี้ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรม EV โดยไทยยังมุ่งพัฒนาพลังงานกรีนไฮโดรเจน และยินดีร่วมมือกับสหภาพยุโรปในการพัฒนาพลังงงานสะอาดนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในอาเซียน นายกรัฐมนตรีหวังว่า สหภาพยุโรปจะพิจารณาสนับสนุนความพยายามดังกล่าว ผ่านการอํานวยความสะดวกและลดภาษีสําหรับการนําเข้าและส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป รวมถึงพิจารณาให้สิทธิ ช่องทางพิเศษสําหรับสินค้าสีเขียวหรือ GreenLane ด้วย
และ 3.การยกระดับมาตรฐานของอาเซียนไปสู่การค้าที่ยั่งยืน นายกฯ ชื่นชมสหภาพยุโรปในเรื่องการมีมาตรฐานทางการค้าที่สูง ทั้งในด้านกฎระเบียบ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน แรงงาน รวมทั้งทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งล้วนเป็นเรื่องที่อาเซียนกำลังพยายามพัฒนา หวังว่าสหภาพยุโรปจะร่วมมือกับอาเซียนและไทยในการส่งเสริมศักยภาพในเรื่องนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานของอาเซียนให้ทัดเทียมกับสหภาพยุโรปมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการจัดทำ FTA ที่มีคุณภาพสูงและครอบคลุม และเป็นแนวทางสําหรับการเจรจา FTA อาเซียน-EU ในอนาคต ทั้งนี้ ไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของความร่วมมือด้านวิชาการของภูมิภาค ในการเสริมสร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ยินดีร่วมมือกับสหภาพยุโรปในเรื่องเหล่านี้ ซึ่งสอดคล้องกับสปิริตของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-สหภาพยุโรป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เศรษฐา' ขายฝัน 'IGNITE THAILAND' ให้ 'UN- ESCAP'
นายกฯ หารือรองเลขาธิการสหประชาชาติ และเลขาธิการบริหาร ESCAP ย้ำศักยภาพไทย ในการขับเคลื่อน SDGs อย่างเป็นรูปธรรม เสริมสร้างความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่ประชาชนในภูมิภาค
'เศรษฐา' บอก 'ไทย-อังกฤษ' มีสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน
นายกฯ เผย 'ไทย-สหราชอาณาจักร' มีความสัมพันธ์กันยาวนาน การลงทุนระหว่างประเทศมีเยอะวีซ่าฟรี-เอฟทีเอ
นายกฯ เมินตอบต้นตอย้าย 'บิ๊กต่อ' เข้ากรุสำนักนายกฯ
นายกฯ ปัดตอบหลังสื่อจี้ถามย้าย 'บิ๊กต่อ' พัวพันรับส่วยหรือไม่ บอกแจงเหตุผลไปแล้ว ขอใจเย็นๆให้เวลาคณะกรรมการเก็บข้อมูลก่อน
รับไม่ได้ติดตามข่าวจักรภพ! แต่เมื่อกลับไทยก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นายกฯ ชี้ 'จักรภพ' กลับไทยมอบตัว ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง
นายกฯ ย้ำใช้งบประมาณปี 67 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
'เศรษฐา' ยันใช้งบปี 2567 อย่างเหมาะสม ทุกโครงการต้องคุ้มค่า หลังสภาผ่านงบ
เลิกสังคมอีแอบ! เศรษฐาแบไต๋ผุดกาสิโน
'เศรษฐา' หนุนกาสิโนถูกกฎหมาย ลั่นต้องยกเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาบนพื้น เพื่อกำกับควบคุม ดีกว่าปล่อยให้เป็นสังคมอีแอบ