17 พ.ย.2566 - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มตัวแทนญาติผู้เสียหายจากการถูกหลอกไปทำงานในเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา นำโดยนางภาวิณี ไผทฉันท์ ตัวแทนญาติผู้เสียหาย เพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เรื่อง ขอความเมตตาเร่งรัดการช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์และผู้ลี้ภัยชาวไทยในเมืองเล่าก์ก่ายประเทศพม่าเข้าสู่ประเทศจีนเพื่อเดินทางกลับอย่างปลอดภัย โดยมีนายพันศักดิ์ เจริญผู้เชี่ยวชาญ ด้านมวลชน สปน. เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว เพื่อนำเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อโปรดทราบและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
กลุ่มผู้ร้องเรียน ระบุว่า เนื่องด้วย บุตร หลาน และญาติของข้าพเจ้าทุกคน ได้ถูกหลอกเข้าไปทำงานในเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจอย่างโหดเหี้ยม ทั้งทรมานด้วยการกักขัง ข่มขู่ การทุบตี ทำโทษให้อดอาหาร และถูกช็อตด้วยไฟฟ้า เสียบแทงหลังด้วยไม่เสียบหมาล่าจนเป็นรูพรุนทั่วหลัง และทุบกระโหลกศรีษะและอวัยวะต่างๆ ด้วยอาวุธและด้ามปืนจนบาดเจ็บสาหัส และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว บางคนเครียดจนเกือบจบชีวิตด้วยการผูกคอตาย ภายหลังได้มีการประสานงานจากหน่วยงานองค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ ทำให้พวกบริษัททุนเทาที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ทั้งหลอกลวงสารพัดรูปแบบเริ่มถูกจับกุมและมีบางส่วนเริ่มหนีความผิด ประกอบกับปฏิบัติการกวาดล้างทุนเทาและธุรกิจผิดกฎหมายโดยกองกำลังพันธมิตร
ทำให้เกิดภาวะสงครามและมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ในเวลานี้สถานการณ์ในเมืองเล่าก์ก่ายจึงปั่นป่วนและเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะสงครามอีกครั้ง ประชาชนต่างอพยพลี้ภัยไปยังเขตว้าและเข้าสู่ชายแดนจีน
แต่เหยื่อผู้เสียหายจำนวนหนึ่งยังคงติดค้างรอการช่วยเหลือ และผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือมาแล้วทั้งหมดราว 200 กว่าคน รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในเล่าก์ก่ายและผู้ที่ขอลี้ภัย ยังไม่ได้รับการผลักดันส่งออกจากเมืองซึ่งเป็นเป้าหมายของการโจมตีและการปะทะดังกล่าว ขณะนี้เป็นเวลาร่วม 1 เดือนแล้ว และหากไม่เร่งดำเนินการให้ทันภายในวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ ความปลอดภัยของชีวิตของผู้เสียหายทั้งหมดก็ไม่มีผู้ใดสามารถรับรองได้ จึงขอให้เร่งรัดการประสานและเปิดช่องทางให้ผู้เสียหายเหยื่อค้ามนุษย์ และผู้ขอลี้ภัยชาวไทยได้เข้าไปลี้ภัยจากสงครามในประเทศจีนโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสียและช่วยให้ได้มีโอกาสเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'สมช.' แจงไทยมี 3 จุดยืนในสถานการณ์เมียนมา
'สมช.' เข้าแจง 'กมธ.มั่นคงฯ' เพื่อรายงานการรับมือผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในเมียนมา ย้ำ 3 จุดยืน รักษาอธิปไตยไทย-ไม่ยินยอมให้ใช้ดินแดน-ดูแลผู้หนีภัยตามหลักมนุษยธรรมสากล
'ทบ.' เปิดแผนรับมือ สถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-เมียนมา
รายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก เปิดเผยแนวทางการปฏิบัติในการรองรับสถานการณ์ความไม่สงบด้านเมียนมา กรณีการปะทะระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อย
เตือนแรงงาน 3 สัญชาติ MOU ครบ 4 ปี ต้องเดินทางกลับปท. ภายใน 30 เม.ย. นี้
‘คารม’ เตือนแรงงาน MOU ครบ 4 ปี ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางภายใน 30 เม.ย นี้ แนะนายจ้าง/ผู้ประกอบการยื่นคำร้อง นจ. 2 ล่วงหน้า หากประสงค์จะนำแรงงานกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง
‘เศรษฐา’ ลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด 23 เม.ย. เกาะติดสถานการณ์สู้รบในเมียนมา
‘สุทิน’ เผยสถานการณ์สู้รบเมียนมาเข้มข้นขึ้น คนหนีภัยมาไทย ยอมรับกระทบเราแต่ไม่มีอะไรน่าวิตก ขอสบายใจกองทัพปกป้องอธิไตย-ดูแลประชาชนเต็มที่
'เศรษฐา' เตรียมบินไปแม่สอด 23 เม.ย. หลังปะทะเดือดใกล้ชายแดนเมียนมา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ทวิตข้อความผ่าน x ว่า “จากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณสะพานมิตรภาพ 2 ฝั่งเมียนมา
นายกฯเศรษฐา กังวลสถานการณ์สู้รบในเมียนมา
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ใช้เวลาช่วงวันหยุดติดตามงาน รวมถึงสถานการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา พร้อมทวิตข้อความผ่าน x ว่า “ผมติดตาม