อสส. แถลงผลงานในรอบปี มุ่งสู่การเป็นที่พึ่งด้านกฎหมายในปี 2565

26 ม.ค.2565 - 10.00 น. ที่ Press Center ชั้น 2 อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานอัยการสูงสุด แถลงผลงานในรอบปี 2564 และทิศทางการดำเนินงานเชิงรุก ในปี 2565 ตามที่นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด ได้แถลงนโยบายการบริหารงานไว้

นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล เลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในการขับเคลื่อนภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุด รวมถึงนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุด ปัจจุบันมีสำนักงานเลขาธิการสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นหน่วยงานที่ปฏิบัติราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรอัยการในทุกมิติ ทั้งด้านการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น การนำเทคโนโลยี และอุปกรณ์ที่ทันสมัย มาพัฒนากระบวนการให้บริการประชาชน การเพิ่มช่องทางการสื่อสารขององค์กรเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปฏิรูปประเทศการนำเทคโนโลยีมาใช้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำนักอัยการสูงสุดได้จัดตั้งคณะกรรมการ ICT

โดยมีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำของประเทศเข้ามาวางรูปแบบแผนผังเพื่อพัฒนาสถาบันเทคโนโลยีของอัยการสูงสุดให้ทันสมัย ทางสำนักงานได้มีการจัดการโครงการ 2 โครงการ คืองานบริหารทรัพยากรองค์กร และระบบบริหารงานบุคคล ส่วนระบบใหญ่ที่เรากำลังเร่งพัฒนาคือระบบที่การสนับสนุนการทำงานของพนักอัยการด้วยดิจิทัล ซึ่งระบบนี้จะมีความสำคัญมากเนื่องจากการพัฒนาระบบถ้าเราสามารถเก็บข้อมูลในการดำเนินคดีแพ่งคดีอาญาการดำเนินคดีปกครองรวมสินค้าทั้งหมดที่อยู่ในภารกิจของพนักงานอัยการสูงสุดอนาคตฐานข้อมูลเหล่านี้จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญต่อไป

โดยในปี 2564 สำนักงานอัยการสูงสุดได้พัฒนาระบบติดตามข้อมูลคดีเพื่อบริการประชาชน “OAG-Tracking” ซึ่งเป็นระบบติดตามข้อมูลคดีที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลคดีได้ด้วยการค้นหาเลขคดี โดยผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับตนเองเท่านั้น เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และรักษาความลับข้อมูลคดี นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถติดตามสถานะคดี และการนัดหมายกับพนักงานอัยการ เพื่อดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ได้ ส่งผลให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย และยังสามารถช่วยป้องกันและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้อีกด้วย

นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึง สรุปภาพรวมการดำเนินการภารกิจที่สำคัญขององค์กรระหว่างวันที่ 1 ม.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2564 โดยมีภาพรวมของการปฏิบัติราชการ ดังนี้

1. ด้านการอำนวยความยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุดรับสำนวนคดีจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 483,141 คดี มีการสั่งและดำเนินคดีแล้วเสร็จ จำนวน 435,527 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.15 และอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม จำนวน 47,614 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.85 จากสถิติดังกล่าวพบว่าจำนวนสำนวนคดีที่รับจากพนักงานสอบสวนลดลงจากปี 2563 คิดเป็นร้อยละ 9.26 (รับสำนวน 532,474 คดี) โดย 3 อันดับสำนวนคดีที่ได้รับสูงสุด อันดับที่ 1 ได้แก่ คดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ อันดับที่ 2 คดีที่เกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อทรัพย์ และอันดับที่ 3 คดีที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติจราจรทางบกเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดให้โทษ (ผู้ขับขี่เสพยาเสพติด)

2. ด้านการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ดำเนินการตรวจร่างสัญญาของหน่วยงานต่าง ๆ จำนวน 569 เรื่อง ทุนทรัพย์ร่างสัญญา จำนวน 345,276,568,690.11 บาท ในจำนวนนี้เป็นร่างสัญญาเกี่ยวกับการนำเข้าวัคซีนของรัฐบาล จำนวน 45 เรื่อง ซึ่งการตรวจร่างสัญญาต่าง ๆ ของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ดำเนินการ เพื่อให้มีความชัดเจน เป็นธรรม มิให้ทางราชการเสียเปรียบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบ ป้องกันการขัดแย้งหรือข้อพิพาทในอนาคต นอกจากนั้น ยังมีการให้บริการเป็นที่ปรึกษาปัญหาทางกฎหมาย (หารือ) จำนวน 189 เรื่อง ทุนทรัพย์ข้อหารือ จำนวน 145,629,809,552.37 บาท โดยภาพรวมด้านการรักษาผลประโยชน์ของรัฐ รวมทั้งสิ้น 758 เรื่อง รวมทุนทรัพย์ จำนวน 490,906,378,242.48 บาท

นอกจากนี้ในด้านการรักษาผลประโยชน์ของรัฐในรอบปี 2564 สำนักงานคดีพิเศษได้รับสำนวนคดีแพ่ง (ฟอกเงิน) จากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ส่งมาให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการ จำนวน 233 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 3,411,787,287.90 บาท สำนักงานการบังคับคดี ได้รับเรื่องบังคับคดีทั้งประเทศ จำนวน 4,821 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 233,589,986,416 บาท บังคับเสร็จสิ้นไป จำนวน 2,154 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 5,396,989,405 บาท

สำนักงานคดีปกครอง มีสำนวนของศาลศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด โดยในส่วนของศาลปกครองชั้นต้นได้รับสำนวน จำนวน 5,836 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 156,537,447,256 บาท มีการสั่งและดำเนินคดีแล้วเสร็จ จำนวน 3,781 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 106,175,850,313 บาท และศาลปกครองสูงสุด ได้รับสำนวน จำนวน 1,625 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 168,802,235,466 บาท มีการสั่งและดำเนินคดีแล้วเสร็จ จำนวน 811 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 17,645,921,214 บาท

สำนักงานคดีแพ่ง ได้รับสำนวน จำนวน 28,252 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 108,575,029,349.14 บาท มีการสั่งและดำเนินคดีแล้วเสร็จ จำนวน 18,543 คดี ทุนทรัพย์ จำนวน 62,394,184,816.19 บาท

นายชัยพร เกริกเกียรติกุลธร อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน เปิดเผยว่า สำหรับในปี 2565 นี้ สำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมขับเคลื่อนภารกิจเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการให้บริการและเป็นที่พึ่งด้านกฎหมายของรัฐและประชาชน ตามนโยบายการบริหารงานของอัยการสูงสุดที่ได้แถลงไว้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น อัยการสูงสุดจึงได้มอบหมายให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนดำเนินงานในเชิงรุก เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านกฎหมายอย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยจัดให้มีโครงการคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนในวันหยุดราชการ (วันเสาร์) ระหว่างเวลา 08.30 - 16.30 น. โดยเปิดให้บริการนำร่องในระยะแรก 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ประชาชนต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมาก และสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครได้เปิดให้บริการสายด่วนให้คำปรึกษากฎหมาย 1157 ในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย โดยเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565

และในวันที่ 5 ก.พ. 2565 นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด จะลงพื้นที่เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการดังกล่าว ในพื้นที่ดำเนินการของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อประเมินผลการทำงานในเบื้องต้น และวางแผนแนวทางการทำงานเชิงรุกต่อไป

อธิบดีอัยการ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ยังจะมีโครงการจัดบริการรถโมบายเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นโครงการเชิงรุกที่สำคัญอีกหนึ่งโครงการของสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน ให้บริการด้านกฎหมายเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน และสร้างโอกาสในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ยังไม่คลี่คลายส่งผลให้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน

โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชน ซึ่งได้นำระบบอัยการช่วยได้ “OAG-Lawaid” มาให้บริการประชาชนในด้านการยื่นคำร้องขอปรึกษาปัญหากฎหมาย หรือยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือ และติดตามสถานะเรื่องที่ขอคำปรึกษาปัญหากฎหมาย หรือขอรับความช่วยเหลือ รวมทั้งแจ้งเตือนการนัดหมายกับพนักงานอัยการ เป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงกระบวนการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายที่หลากหลาย ได้รับข้อมูลกฎหมายที่ถูกต้อง ครบถ้วน จากพนักงานอัยการที่เชี่ยวชาญ รวมถึงประหยัดเวลา สะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

ขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างการจัดทำระบบสืบพยานออนไลน์เพื่อให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว กระชับ สำหรับประชาชนที่ต้องการติดต่อหรือรับข้อมูลข่าวสารด้านกฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุดได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อให้สามารถสื่อสารกับประชาชนได้อย่างทั่วถึงและสอดคล้องกับยุคการสื่อสารในปัจจุบันอีก 3 ช่องทาง ได้แก่ Line OA : @oagth เฟซบุ๊ก สำนักงานอัยการสูงสุด ยูทูป สำนักงานอัยการสูงสุด OAGTH

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จับแหม่มหัวหน้าแก๊ง วางแผนปล้น 200 ล้าน ลักพาตัวลูกไฮโซดัง

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.), พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.

งามไส้! คุก 2 เดือน 'ลูก รมต.' เมาขับฝ่าด่าน

นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ว่า วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลเเขวง 1

เปิดคำสั่งให้ 'บิ๊กโจ๊ก-4 ลูกน้อง' ออกจากราชการ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) ได้มีคำสั่ง ตร.ที่ 177/67

'เศรษฐา' ว่าไง 'บิ๊กโจ๊ก' ให้ถามนายกฯ เซ็นคำสั่งปลดออกจากราชการจริง-ไม่จริง?

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 12.10 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าพบนายเศรษฐา ทวีสิน

เฮ!รัฐบาลจัดเชื่อเงินด่วนให้ 'อสม.-อสส.' กู้รายละไม่เกิน 2 หมื่นบาท

รัฐบาลจัดโครงการสินเชื่อเงินด่วนคนดี ให้สมาชิก อสม. - อสส. รายละไม่เกิน 20,000 บาท ยื่นกู้ได้ ณ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2568