โฆษกรัฐบาล ฟุ้ง S&P ให้ไทยเป็นประเทศมีเสถียรภาพ สะท้อนรัฐบาลมาถูกทาง

3 มิถุนายน 2568 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของโลกอย่าง “S&P Global Ratings” ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ที่ระดับ BBB+ พร้อมมุมมองสำคัญที่ระบุว่า ประเทศไทย มีเสถียรภาพ (Stable Outlook) สะท้อนถึงความมั่นใจของนักวิเคราะห์และนักลงทุนต่อแนวทางการบริหารเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ภายใต้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล ซึ่งได้เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกอย่างรอบด้าน ทั้งการวางรากฐานโครงสร้างเศรษฐกิจ การฟื้นฟูความเชื่อมั่น และการนำพาประเทศไทย ก้าวข้ามความท้าทายในระดับโลกในช่วงวิกฤติการณ์อย่างมีแบบแผน

ทั้งนี้ สถาบันจัดอันดับความหน้าเชื่อถือระดับโลก S&P คาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ว่าจะเติบโตที่ 2.3% และ 2.6% ตามลำดับ โดยอาจจะมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในช่วงปี 2568–2571 คาดว่า GDP ที่แท้จริงจะเติบโตเฉลี่ย 2.8% ต่อปี ขณะที่รายได้ต่อหัวในปี 2568 จะเพิ่มขึ้นจาก 7,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 8,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น
S&P ยังเห็นว่า การที่รัฐบาลไทยมุ่งเน้นการลงทุนตามแผน โดยเฉพาะโครงการ EEC และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอย่างต่อเนื่อง และการสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจ ดำเนินการโครงการร่วมทุนภาครัฐ-เอกชน (PPP) ที่จะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ขณะเดียวกัน S&P ยังระบุอีกด้วยว่า ประเทศไทยยังคงมีสถานะทางการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่ง และมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

นายจิรายุ กล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจในการพัฒนาและปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจให้ทันสมัยและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยยึดหลัก การบริหารจัดการอย่างมีวินัยทางการคลัง ควบคู่กับการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในทุกการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน รายได้ ค่าครองชีพ ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน และยังได้เดินหน้าสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ด้วยการแก้หนี้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก S&P จัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย ที่ระดับ BBB+ โดยภาพรวมของเศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และนโยบายภาษีสหรัฐฯก็ตาม

รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เดินหน้านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ โดยใช้กลไก “เครื่องยนต์ 4 ตัวหลัก” อาทิการบริโภคภาคเอกชน การส่งออก การลงทุนภาครัฐ และการลงทุนของภาคเอกชน พร้อมแผนขับเคลื่อนงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท เพื่อเร่งกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านโครงการใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการท่องเที่ยว การยกระดับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมส่งออก และการเสริมสร้างทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบต่อผู้ส่งออกและภาคธุรกิจที่ได้รับผลจากความไม่แน่นอนของการค้าโลก อีกทั้งเร่งดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ นำมาซึ่งการลงทุนระดับโลกในประเทศไทย

ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับเครดิตล่าสุดของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกสัญชาติอเมริกันอย่าง S&P ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า นโยบายของรัฐบาลไทยกำลังเดินมาถูกทาง และเป็นหลักประกันสำคัญที่สะท้อนความเชื่อมั่นของสถาบันจัดอันดับโลก ต่อรัฐบาลไทยในการวางรากฐานประเทศไทยให้พร้อมเผชิญอนาคตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างมั่นใจ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เก้าอี้โฆษกรัฐบาลเป็นเหตุ! ‘จักรภพ‘ ขอโทษ ’จิรายุ‘

“จักรภพ” โพสต์ขอโทษ ”จิรายุ“ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กรณีเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ยันไม่ได้ตั้งใจให้เกิดภาพวุ่นวาย ยอมรับ

'จักรภพ' จ่อนั่งโฆษกรัฐบาลคนใหม่ กรอกประวัติ ตรวจคุณสมบัติแล้ว

ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว รวมมีการประชุมครม.นัดพิเศษ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยการประชุม ครม.ครั้งต่อไปในวันที่ 8 ก.ค.ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย

รัฐบาลตบปากเกรียนคีย์บอร์ด 'วธ.' คืนวัตถุโบราณเขมร แค่เรื่องเก่า

'จิรายุ' ซัดเกรียนคีย์บอร์ด ปล่อยข่าว 'วธ.' เตรียมส่งมอบวัตถุโบราณให้เขมร 20 ชิ้น ชี้เรื่องเก่าตั้งแต่ 25 ปีที่แล้ว หวั่นไทยสูญเสียโอกาสทวงคืนวัตถุโบราณอีกจำนวนมาก

'จิรายุ' เหน็บภูมิใจไทยประเดิมฝ่ายแค้น ตั้งท่าจับมือ ปชน. ยื่นซักฟอกรัฐบาลอิ๊งค์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีพรรคภูมิใจไทยหลังจากไปเป็นฝ่ายค้านและอยากทำหน้าที่ทันที โดยการจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 ซึ่งจำเป็นต้องใช้เสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 1 ใน 5 ของส.ส.ที่มีอยู่ ซึ่งขณะนี้

แบ่งเค้กสมใจอยาก

นายกฯ เซ็นคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯ-รมต.ประจำสำนักนายกฯ ใหม่ กำกับดูแลแทนนายกฯ หลัง "อนุทิน" ลาออก เพื่อไทยกำกับดูแลมหาดไทยสมใจอยาก ส่ง "ภูมิธรรม" คุม ส่วน "พีระพันธุ์" ไม่ขยับ อยู่ที่เดิม

รัฐบาล แจงคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯ ไม่มีนัยทางการเมือง ไร้ชื่อ 'พีระพันธุ์'

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการมอบหมายงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 3 ท่าน