'อัยการสูงสุด' เซ็นตั้งคณะทำงานกำกับ 'คดีตู้ห่าว' เร่งทำสำนวน พร้อมรายงานเป็นระยะ

14 ธันวาคม 2565 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า วันนี้ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ 2167/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญ

โดยเนื้อหารายละเอียดคำสั่งดังกล่าวระบุว่า ด้วยคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีอาญากับ นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ กับพวก ผู้ต้องหา ในสำนวนคดีอาญา ที่ 794/2565 และ ที่ 824/2565ของ สน.ยานนาวา ในความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 (ยาอี, เฮโรอีน) อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้จำหน่ายเพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของ ประชาชนทั่วไป, สมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำ ความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, ร่วมกันเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตและยินยอมหรือ ปล่อยปละให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดภายในสถานบริการ และมีส่วนร่วมในองค์กร อาชญากรรมข้ามชาติ

โดยกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในความสนใจของประชาชน และมีการตรวจยึด ทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวนมาก อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 แห่ง พรบ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553ประกอบพรบ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556มาตรา 12 และข้อตกลงการปฏิบัติหน้าที่ในคดีระหว่างหน่วยงานของรัฐตามพรบ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556

อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่ง แต่งตั้งพนักงานอัยการและเจ้าพนักงานตำรวจเป็นคณะทำงานและมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการ ดังนี้ โดยคณะทํางานดังกล่าวประกอบด้วย

1.อัยการสูงสุด เป็นที่ปรึกษาคณะทํางาน
2.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน
3 นายสมเกียรติ คุณวัฒนานนท์ รองอัยการสูงสุดเป็นหัวหน้าคณะทํางาน
4.ร.ต.ท.อุทัย อาทิเวช รองอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
5.นายศุภชัย นิพิธกุลที่ปรึกษาอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
6.เลขานุการอัยการสูงสุด เป็นคณะทํางาน
7.อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอัยการสูงสุดเป็น คณะทํางาน คณะทํางาน
8.ผู้บัญชากาตำรวจนครบาล เป็นคณะทำงาน
9.อธิบดีอัยการ สํานักงานการสอบสวนเป็นคณะทำงานและเลขานุการ

โดยมีอำนาจหน้าที่ 1.กำกับและติดตามการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน ในคดีนี้ให้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ

2.เร่งรัดการสอบสวนและการส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้ให้ทันภายในกรอบ ระยะเวลาในการควบคุมฝากขังผู้ต้องหาตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้มีระยะเวลาพอสมควรเสนอให้อัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดี
3.แต่งตั้งคณะทำงานย่อยเพื่อมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวได้

โดยให้เลขานุการคณะทำงานรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามคำสั่งนี้ ให้อัยการสูงสุดทราบเป็นระยะ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง วันที่ 14 ธ.ค.65

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับหนังสือคำสั่งดังกล่าวมาจากกรณีที่เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ได้มีหนังสือ รายงานข้อมูลผู้ต้องหากระทำผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พรบ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 ถึง อัยการสูงสุด พร้อมเเนบ 1.สำเนาบันทึกการตรวจค้น - จับกุม เอกสาร 57แผ่น 2.รายงานการสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เอกสาร 141 แผ่น 3.การสืบค้นข้อมูลการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักร เอกสาร 26 แผ่น 4.แผ่น QR CODE รับชำระเงิน จำนวน 1 แผ่น 5. เอกสารสรุปการแจ้งข้อกล่าวหาจํานวน 1แผ่น

โดยเอกสารระบุพฤติการณ์ผู้ต้องหาว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร (ชักชวนลูกค้าต่างชาติ) อันถือว่า เป็นความผิดตามพรบ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 พรบ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 และที่แก้ไขเพิ่มเติม การกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นคณะบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้น ไปที่รวมตัวกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง ร่วมกันกระทำผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ได้มาซึ่งผลประโยชน์ทางการเงินและทรัพย์สิน โดยกระทำผิดในเขตแดนมากกว่าหนึ่งรัฐ เป็นองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย แต่มีการตระเตรียม วางแผน สั่งการ สนับสนุน หรือ ควบคุมการกระทำผิดในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีส่วนร่วม กระทำการใด ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการมี ส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 พบการกระทำความผิดบางส่วนในราชอาณาจักรไทย และบางส่วนนอกราชอาณาจักรไทย (ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศกัมพูชา) เข้าเงื่อนไขตามความผิดตามกฎหมายที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ตามมาตรา 20 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้อัยการสูงสุดหรือผู้รักษาราชการแทนเป็นพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบหรือจะมอบหมายหน้าที่ นั้นให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนแทนได้

อนึ่ง เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่สำคัญและมีกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย จึงขอให้พนักงาน สืบสวนสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจในการสอบสวนคดีไปพลางก่อนตามกฎหมายต่อไปจึงเรียนมายังอัยการสูงสุดเพื่อโปรดพิจารณา หรือเห็นควรประการขอได้โปรดพิจารณาสั่งการ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คดี 'ทักษิณ' ยังไม่จบ! ศาลฎีกาฯ สอบพยาน 20 ปาก นัดไต่สวน ก.ค. อีก 3 นัด

ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งให้นัดพร้อมหรือนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 อัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์

ศาลรธน. แจ้งอัยการสูงสุด จัดส่งข้อมูลคืบหน้ากรณี 'ณฐพร' ร้องฮั้วเลือกสว. ภายใน 15 วัน

ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่นายณฐพร โตประยูร (ผู้ร้อง) ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49โดยอ้างว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ผู้ถูกร้องที่ 1 และเลขาธิการกกต.ผู้ถูกร้องที่ 2จัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

สภาสูงเปิดฉาก ถกญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ 'เทวฤทธิ์' ผวาผลประโยชน์ทับซ้อน

เปิดฉากประชุมวุฒิสภา 'เทวฤทธิ์' แจงเหตุผลชงญัตติชะลอตั้งองค์กรอิสระ ย้ำมี สว. 13 คน เคยลาออก กมธ. สอบประวัติ ป.ป.ช. หลังร้องสอบดีเอสไอ ควรเดินตามหลักการนี้ ป้องปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน

จับตา 'สว.สีน้ำเงิน' โหวต 3 ป.ป.ช. เสียงไม่ถึง 130 ส่อแพแตก ชิ่งคดีฮั้ว

ลุ้น 'สว.สีน้ำเงิน' ลงมติ 3 ป.ป.ช. คาดสภาสูงถกเครียด เลื่อน-ไม่เลื่อน กลุ่มอิสระขู่วอล์กเอาต์หากแพ้โหวต ปูดให้จับตา หากเสียงไม่ถึง 130 ส่งสัญญาณเริ่มแพแตก-ชิ่งออก หลังโดนไล่บี้คดีฮั้ว

'ศุภชัย'จี้ดีเอสไอเร่งออกหมายจับ 'ณฐพร'

'ศุภชัย' จี้ดีเอสไอออกหมายจับ 'ณฐพร' คดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น ลั่นอย่าปล่อยให้หมดอายุความ 15 มิ.ย.นี้ หลังพบพิรุธ ซุกหมายไม่ปรากฎชื่อต่อกองทะเบียนประวัติอาชญากร

'ดร.ณัฏฐ์' ชี้คำร้อง 'ณฐพร' ไม่เข้าเกณฑ์ล้มล้างการปกครอง

นักกฎหมายมหาชน “ดร.ณัฏฐ์” วิเคราะห์กรณี “ณฐพร โตประยูร” ยื่นศาล รธน. ปมการเลือก สว. ชี้ยังไม่เข้าเงื่อนไข “ล้มล้างการปกครอง” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เป็นเพียงเทคนิคทางกฎหมายช่องทางใช้วินิจฉัยนำไปสู่ยุบพรรค