ศาลรธน.มติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้อง “ปกรณ์วุฒิ” ปม “ศักดิ์สยาม” เสนองบปี 64 เป็นประโยชน์ต่อ หจก.บุรีเจริญ ชี้ไม่เข้าเงื่อนไขเหตุไม่อยู่ในระหว่างการพิจารณางบในสภา
31 มี.ค.2566 - ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดี ที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวม 47 คน (ผู้ร้อง) ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม กรณีที่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม (ผู้ถูกร้อง) เป็นผู้เสนองบประมาณของกระทรวงคมนาคม ผู้พิจารณา และคณะกรรมาธิการ ที่มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และยังคงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ที่อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่น กรณีดังกล่าวน่าเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องใช้สถานะการเป็น รมว.คมนาคมและกรรมาธิการ ใช้อำนาจในตำแหน่งดังกล่าวจัดทำหรือให้ความเห็นชอบโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ โดยมีเจตนาพิเศษส่งผลทำให้หจก.ฯ และบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทยรับงานเข้าเป็นคู่สัญญากับกระทรวงคมนาคม อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
โดยผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า การยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ต้องอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการ เสนอ แปรญัตติ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันมีส่วนไม่ว่า โดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (7) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฟันธง! คดี 'พิธา' ถือหุ้นสื่อ ผลเฉพาะตัวไม่กระทบเลือกตั้งใหม่
'นายกสมาคมทนายความ' ฟันธงคดีหุ้นสื่อ 'พิธา' มีผลเฉพาะตัว กรณีวินิจฉัยเป็นลบไม่กระทบต้องเลือกตั้งใหม่
'ธนกร' แนะก้าวไกลฟัง 'กูรูวิษณุ' ทักเรื่องกฎหมายไว้บ้างก็ได้
'ธนกร' แนะก้าวไกลรับฟังความเห็น 'วิษณุ' ไว้บ้าง เพราะเป็นกูรูกฎหมาย แต่สุดท้ายต้องดูคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ย้ำยังหนุนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย
'ส.ว.สมชาย' ยกคำวินิจฉัยศาล รธน. ไขปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้นไอทีวี
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #ปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้น itv
'เสรี' วิเคราะห์เบื้องหลังตั้ง 7 คณะทำงานหวังสร้างมวลชนกดดัน 'กกต.-ศาล-ส.ว.'
'เสรี' ซัดตั้ง 7 คณะทำงาน กระบวนการสร้างมวลชนกดดัน 'กกต.-ศาล-ส.ว.' ติงควรจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน เชื่อเพื่อไทยรู้ปลายทางหวยออกที่พรรคตัวเอง ไม่เข้าใจ 'พิธา' ยังคิดเดินหน้าแก้ม.112
'ชาญชัย' ชี้จุดตายคดีหุ้นสื่อ 'พิธา' ยันเป็นหนังคนละม้วนกับเคสถือหุ้นเอไอเอส!
'ชาญชัย' ชี้คดีหุ้นสื่อ 'พิธา' เป็นหนังคนละม้วนกับคดีของตัวเองมาก ย้ำคำวินิจฉัยศาลรธัฐธรรมนูญที่ผ่านมา หากหุ้นในกิจการที่ถือ ยังไม่แจ้งเลิกกิจการถือว่ายังครอบครอง
'วิษณุ' ชี้ปมพิธาถือหุ้นไอทีวี ดูคำตัดสินเก่าหลายคดีของ ศาล รธน. ก็พอเห็นทิศทาง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐธรรมนูญระบุบทบัญญัติเกี่ยวการถือครองหุ้นมีเจตนารมณ์อย่างไร ว่า ตนไม่ทราบ เดี๋ยวถ้าตนตอบไป ก็อาจไม่ถูก เรื่องประเด็นนี้ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดแล้วกัน