อดีตอธิการมธ.ชำแหละ ขบวนการจาบจ้วงสถาบัน ยึดโยงพรรคก้าวไกล

สังเกตหรือไม่ว่า นับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ การจาบจ้วงล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์มีมากอย่างไม่เคยเป็นเข่นนี้มาก่อน เริ่มตั้งแต่ flash mob ที่ sky walk ปทุมวัน และมีมากขึ้นเรื่อยๆในม็อบต่างๆ มากยิ่งกว่ายุคใดๆในอดีต ข้ออ้างที่ว่าการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

11 เม.ย.2566- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ว่าดูการ debate ระหว่าง น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม คุณศรันย์วุฒิ ศรันย์เกตุ คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และคุณวิโรจน์ ลัขคณาอดิศร ตัวแทนแต่ละพรรคการเมือง ในรายการของ The Standard เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ถ้าจะจัดอันดับแต่ละท่านโดยใช้เกณฑ์คือ ความมีเหตุมีผล ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง จะขอจัดอันดับดังนี้

  1. น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
  2. คุณศรันย์วุฒิ ศรันย์เกตุ
  3. คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ
  4. คุณวิโรจน์ ลัขณาอดิศร

ไม่น่าเชื่อว่า คุณศรัณย์วุฒิ ซึ่งเคยดูเหมือนไม่ค่อยน่าเชื่อถือในสภา กลับพูดได้อย่างมีเหตุมีผล ไม่ได้พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว และกล้าพูดในเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยที่ในบางประเด็นที่แม้คุณณัฐวุฒิก็ไม่กล้าปฏิเสธ เมื่อพิธีกรถามย้ำว่า จริงหรือไม่ คุณณัฐวุฒิตอบว่า

“ผมไม่ทราบ”

คุณศรันย์วุฒิกล่าวว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ได้พยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา พบว่าหาได้ยากมาก แทบไม่พบอะไรเลย ความหมายคือ พลเอก ประยุทธ์ ไม่น่าจะมีการทุจริตคอรัปชั่น แต่คุณวิโรจน์กลับพยายามแปลความตามถนัดว่า คุณศรันย์วุฒิยอมรับเองว่าหาข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของพลเอก ประยุทธ์ไม่พบเพราะรัฐบาลไม่โปร่งใส ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูล คุณศรันย์วุฒิจึงโต้กลับว่า คุณวิโรจน์พูดไม่ตรง เพราะหาข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของคนอื่นๆในรัฐบาล พบเยอะแยะไปหมด แต่สำหรับพลเอก ประยุทธ์ หาหลักฐานเชิงประจักษ์ไม่พบ คุณวิโรจน์ก็เลยหน้าหงายกลับไป

เมื่อพูดถึงการใช้เหตุใช้ผล และพูดตามข้อเท็จจริง ต้องยกให้คุณหมอวรงค์ ที่พูดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล ตรงไปตรงมา และควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ทั้งเรื่องจำนำข้าวที่คุณณัฐวุฒิพยายามโต้ว่า คำว่าจำนำข้าวกลายเป็นคำขวัญวันเด็กไปแล้ว คือไปไหนไม่ถูกก็เอาเรื่องจำนำข้าวไว้ก่อน และอ้างเหมือนเดิมว่า ยอมรับการดำเนินคดีไม่ได้เพราะเป็นการดำเนินการหลังจากการทำรัฐประหาร ซึ่งขัดกับหลักนิติรัฐและบอกว่า ศาลไม่ได้ชี้ว่า ตัวนโยบายทุจริต ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคุณณัฐวุฒิหมายความว่าอย่างไร แต่ก็พอจะเดาได้ว่า คุณณัฐวุฒิพยายามชี้ว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ทุจริต มีแต่เจ้าหน้าที่ที่ทุจริต ซึ่งคุณหมอวรงค์โต้ตอบว่า เรื่องการจำนำข้าวไม่ใช่คำขวัญวันเด็ก แต่เป็นเรื่องของโจรไม่สำนึก และอธิบายว่า ศาลชี้ว่ามีการทุจริตทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และที่ปลายน้ำคือการระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งไม่มีจริง เพราะไม่มีการนำส่งข้าวไปประเทศจีน ข้าวยังคงอยู่ในประเทศไทย ไม่มีการเปิด letter of credit แต่ชำระเงินด้วย cashire check แล้วนายกรัฐมนตรีซึ่งดูแลนโยบายข้าวจะไม่ผิดได้อย่างไร

ที่จัดอันดับคุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไว้สุดท้ายก็เพราะคุณวิโรจน์ ยังคงบุคลิกเดิมไว้ทุกประการ จะเป็นการแสดงหรือเป็นบุคลิกจริงก็ตาม แต่ที่แสดงออกมาโดยตลอดคือ ค่อนข้างจะขาดวุฒิภาวะ เป็นเหมือนเด็กชวนทะเลาะเสมอ เมื่อพิธีกรถามคุณศรันย์วุฒิว่า ถ้าต้องการไปอยู่พรรคที่เป็นประชาธิปไตย ทำไมไม่ไปพรรคก้าวไกล คุณศันย์วุฒิตอบได้ดีว่า เป็นเพราะประชาชนที่เลือกตัวเองมาล้วนไม่ต้องการให้แตะต้องสถาบันพระมหากษัริย์ คุณวิโรจน์ตอกกลับทันทีว่า หากคุณศรันย์วุฒิยื่นใบสมัครเข้าพรรคก้าวไกล ถ้าตนเองเป็น HR manager ก็ขอตีกลับ ไม่ต้องการให้คุณศรันย์วุฒิเข้าพรรคเช่นกัน

เมื่อพูดถึงเรื่องมาตรา 112 คุณวิโรจน์ยืนยันว่า มติของพรรคก้าวไกลคือ แก้ไขมาตรา 112 ให้โทษเบาลงจากเดิมมีโทษจำคุก3-15 ปี แก้ให้โทษจำคุกน้อยลงอาจเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือมีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และไม่มีโทษขั้นต่ำ ในการยื่นร้องให้ดำเนินคดีให้เป็นสิทธิ์ของสำนักพระราชวังเท่านั้น คนทั่วไปไม่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ ไม่ได้ยกเลิกแม้มีหลายคนในพรรคก้าวไกลบางคนต้องการให้ยกเลิกก็ตาม

ข้อโต้แย้งของคุณวิโรจน์ยังคงเหมือนเดิมคือ มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชน มาตรา 112 ยังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในการทำลายฝ่ายตรงข้าม ผู้ที่ถูกดำเนินคดีขณะนี้ล้วนถูกยัดเยียดข้อหา และไม่ให้ประกันตัว เพราะสิ่งที่ทำไม่ได้เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 112 แต่อย่างใด เรื่องนี้คุณหมอวรงค์ยืนยันว่าผู้ที่ถูกดำเนินคดีทุกคนนอกจากจะทำผิดด้วยการจาบจ้วง หยาบคาย เผาพระบรมฉายาลักษณ์ และอื่นๆที่ล้วนเข้าข่ายหมิ่นประมาทองค์พระมหากษัตริย์ ทั้งยังทำผิดซ้ำซากอย่างไม่กลัวเกรงกฎหมาย เพราะแต่ละคนโดนกันคนละหลายคดี คุณวิโรจน์ยังคงยืนยันว่าจะต้องมีการแก้ไขมาตรา 112 เพราะขณะนี้ปัญหาระหว่างประชาชนกับสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงไม่อาจปล่อยวางได้ อย่างไรก็ดี กรณีนายบังเอิญ ที่ใช้สีพ่นกำแพงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นเครื่องหมายอนาธิปไตย และยกเลิกมาตรา 112 ก็ไม่ถูกข้อหาเป็นความผิดตามมาตรา 112 แต่ถูกข้อหาที่เกี่ยวกับการทำความเสียหายต่อโบราณสถานเท่านั้น

อยากจะขอบอกว่า การดำเนินคดีตามมาตรา 112 ในปัจจุบันไม่ได้ทำกันอย่างชุ่ยฯ และใช่จะสามารถยัดเยียดข้อหากันได้ง่ายๆ เนื่องเพราะหลังจากที่มีผู้ร้องให้คำเนินคดีตามมาตรา 112 ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนหาข้อมูล เพื่อพิจาราณาว่าการกระทำของผู้ถูกร้องแต่ละรายเข้าข่ายเป็นความความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งทราบหรือไม่ว่าตำรวจกลัวถูกฟ้องกลับที่สุด เนื่องจากผู้ที่ถูกร้องมักมีทีมทนายความจากเอ็นจีโอ เช่น ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ทั้งยังทีมกฎหมายของพรรคการเมืองบางพรรคคอยจ้องอยู่ จึงต้องทำคดีด้วยความรอบคอบอย่างยิ่ง หากมั่นใจแล้วว่า ผิดจริง ก็จะส่งต่อไปยังอัยการ ซึ่งก็มีโอกาสอีกที่อัยการจะสั่งไม่ฟ้อง ผ่านด่านอัยการแล้วจึงไปถึงศาล จะเห็นว่าการจะกลั่นแกล้งยัดเยียดข้อหากันนั้น ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ

เกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณหมอวรงค์ยังได้พูดถึงการแทรกแซงของขาติตะวันตกผ่านทาง NGO เช่น Amnesty International โดยอ้างสิทธิมนุษยชน โดยคุณวิโรจน์โต้ว่า ทั้งหมดเป็นจินตนาการที่ไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด และกล่าวเลยเถิดไปว่า หากเชื่ออย่างนั้นจริง ทำไมไม่ยื่นฟ้องเอกอัครราขทูตอเมริกันประจำประเทศไทย ซึ่งในทางความเป็นจริงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อยู่แล้ว และไม่ว่าคุณหมอวรงค์จะพยายามชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงของต่างชาติอย่างไร คุณวิโรจน์ก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่า ต้องการให้แสดงหลักฐาน ซึ่งคุณวิโรจน์ทราบอยู่แล้วว่าหลักฐานคงไม่มี จะมีก็มีก็เพียงหลักฐานการให้การสนับสนุนเงินจาก NED หรือ National Endowment for Democracy ให้กับ NGO ต่างๆในประเทศไทย และองค์กรเหล่านี้ต่างก็เคลื่อนไหวสอดคล้องกับม็อบ 3 นิ้ว และสนับสนุนผู้ที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 มาโดยตลอดเท่านั้น

คุณวิโรจน์เองน่าจะรู้ดีว่า ปัญหาระหว่างประชาชนบางกลุ่มกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เกิดจากการบ่มเพาะและปั่นเยาวชนด้วยวิธีต่างๆให้กิดความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีทำกันเป็นขบวนการมานานแล้ว และในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา การบ่มเพาะได้เริ่มผลิดอกออกผลแล้ว สังเกตหรือไม่ว่า นับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ การจาบจ้วงล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์มีมากอย่างไม่เคยเป็นเข่นนี้มาก่อน เริ่มตั้งแต่ flash mob ที่ sky walk ปทุมวัน และมีมากขึ้นเรื่อยๆในม็อบต่างๆ มากยิ่งกว่ายุคใดๆในอดีต ข้ออ้างที่ว่าการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 จะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ถ้ายกเลิกมาตรา 112 หรือแก้ไขให้มีโทษแค่ปรับก็ได้ รับรองได้ว่า การจาบจ้วงล่วงละเมิด การกระทำการอันเป็นการหมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ จะยิ่งมีมากขึ้นจนประชาชนผู้จงรักภักดีจะทนไม่ไหว เมื่อไม่สามารถใช้กฎหมายดำเนินคดีได้ ความรุนแรงจะเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือเงื่อนไขอย่างดีของการทำรัฐประหาร

ล่าสุด คุณรังสิมันต์ โรม ปราศรัยตอบโต้คุณพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค ก็ยังคงใช้วิธีการพูดตามแบบฉบับของพรรคก้าวไกล กล่าวคือ บิดข้อเท็จจริงให้เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตัวเอง คุณพีระพันธุ์พูดว่า

“แผ่นดินไทยมีไว้เพื่อคนรักชาติ แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักสิทธิ์ แผ่นดินไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นหลักชัยของประเทศ ถ้าคุณไม่ชอบคุณไม่มีสิทธิ์เปลี่ยน เพราะคนไทยทั้งชาติเขาเอา ถ้าคุณไม่ชอบ เชิญไปอยู่ที่อื่น ประเทศไหนก็ได้ ไม่ห้ามครับ”

คุณรังสิมันต์กลับตอบโต้ด้วยการกล่าวหาว่า คุณพีระพันธุ์ขับไล่คนที่เห็นต่าง ถึงกับพูดว่า “คุณเป็นใคร” ที่ขับไล่ประชาชนซึ่งมีอำนาจสูงสุดของประเทศ

นี้แหละครับคือ DNA ของพรรคก้าวไกล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สส.ก้าวไกล ชี้ 3 ความเสี่ยง 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เตรียมรับวิกฤติในอนาคต

นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวรัฐบาลยืนยันเดินหน้าดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้บริหารธนาคารในระดับอาเซียน อดห่วงไม่ได้กับท่าทีรัฐบาลในโครงการนี้ จึงขอเตือนไปยังรัฐบาลในความเสี่ยง 3 เรื่องที่จะเกิดขึ้น ความเสี่ยงเรื่องแรกคือ การเตรียมตัวกับวิกฤตในอนาคต ในขณะนี้ ทุกท่านทราบข่าวการเกิดวิกฤตการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป

'พิธา' ขอบคุณกำลังใจคนอีสาน โวลั่นอีก 3 ปีข้างหน้าจะกลับมาในฐานะนายกฯ

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมทำบุญและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุที่วัดกู่ประภาชัย ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ

โปรดฟังอีกครั้ง! สายลมเปลี่ยนแปลงกำลังตั้งเค้าทะมึน

ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาสถิติศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์