'พุทธะอิสระ' เขย่า! 'พิธา' กำลังทุกข์หนัก 7 เรื่องใหญ่

5 มิ.ย. 2566 – พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ได้โพสต์ภาพนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ใครจักรู้ว่าชายคนนี้เขาทุกข์ขนาดไหน

-ไหนจะต้องเฉลี่ยเกลี่ยเก้าอี้รัฐมนตรีและประธานสภาผู้แทนราษฎร

-ไหนจะต้องพยายามเจรจาผลักดันนโยบายที่ตนใช้หาเสียง โดยเฉพาะการแก้ไข้มาตรา 112 ซึ่งก็เป็นที่แน่ชัดว่า พวกพรรคร่วมจะไม่เอาด้วย

-ไหนจะพยายามใส่หน้ากาก ปั้นหน้าให้ดูปกติเก็บอาการปกปิดในความวิตกกังวลต่อสารพัดปัญหา สารพัดเรื่องที่จะประเดประดังพรั่งพรูถาโถม เข้ามาใส่จากทั่วสารทิศที่มีผู้เห็นต่าง ซึ่งก็จ้องเตรียมตัวจองกฐิน ล็อกเป้า เอาไว้ที่จะรุมกันเข้าไปมอบเม้นต์ ประเด็นสารพัดปัญหาให้

-ไหนต้องพยายามเก็บอาการความวิตกกังวลต่อปัญหากรณีถือหุ้นสื่อ ว่าจะหลุดรอดหรือไม่และจะพาบริวารของพรรคตัวเองไปรอดไหม

-ไหนจะต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล กรณีคดีมีพฤติกรรมคิดล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

-ไหนจะต้องพยายามหาวิธีแก้ตัว แก้ต่าง โกหกยังไงที่จะให้เอฟซีของตนและคน 14 ล้านเสียงเชื่อว่า ทำไม นโยบายที่ประการเอาไว้หลายข้อ ทำไมถึงทำไม่ได้ทันที เช่น เงินสวัสดิการคนชรา และผู้ป่วยติดเตียง เงินค่าแรง 450 บาท จะต้องได้ภายในร้อยวันทันที การศึกษาเล่าเรียนฟรี ตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาตรี พร้อมค่าอาหารและค่ารถ และนโยบายอื่นๆ อีกจิปาถะ ที่มิอาจทำให้หากได้เป็นรัฐบาลจริงๆ เพราะรัฐบาลไม่มีเงินมากพอ

-และด้านสุดท้าย เกิดที่รัฐสภา ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะผ่านด้าน ส.ว. เพื่อโหวตให้นายพิธา ได้เป็นนายกฯ หรือเปล่า
เหล่านี้คือความทุกข์ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้นแก่นายพิธา ว่าที่นายกฯ ในโลกเสมือนจริงของประชาชน 14 ล้านเสียง

ที่เขียนมานี้ก็เพื่อจะบอกให้บรรดาเหล่าสลิ่มทั้งหลายได้รับรู้ว่า จงรอดูด้วยความใคร่ครวญ พิจารณาว่า สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้ดีชั่วเลวหยาบ

หากสัตว์เหล่าใดรู้ตัวว่า ทุกข์ทั้งหลายล้วนเกิดมาจากการกระทำของตน ก็ควรจะหยุดทำกรรมชั่วทั้งทางกาย ทางวาจา ทางจิตใจ

แต่ด้วยตัวนายพิธา และพวกมีปกติที่โกหกเป็นอาจิน จนตนเชื่อว่า สิ่งที่โกหกเป็นความจริง ในหลายๆ เรื่องที่สังคมพอจะรับรู้กัน

ทั้งยังหลงออกนโยบายที่มาสร้างความฉิบหายให้แก่สังคม วัฒนธรรม ความเชื่อของประเทศเช่น

-อาชีพให้บริการทางเพศถูกกฎหมาย

-ปลดล็อกเซ็กซ์ทอยและหนังผู้ใหญ่

-ควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า (ประมาณว่าอนุญาตให้สูบได้ แต่ต้องอยู่ในการควบคุม)

-สุราก้าวหน้า (แบบว่า ใครจะผลิตขายก็ได้)

-ขายเหล้าได้ตลอดทั้งวัน ยกเลิกการห้ามขายเหล้า – ฆ่าสัตว์ในวันพระ

-กาสิโนถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล

-กาสิโนออนไลน์ถูกกฎหมาย รัฐกำกับดูแล

พระบรมศาสดาทรงสอนว่า เหล่านี้คือเหตุแห่งความฉิบหาย ซึ่งในทุกรัฐบาลที่ผ่านมาเขาพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้ หรือไม่นำมาทำให้สังคมไทยฉิบหาย เสียหาย แตกแยก และสุดท้าย ไอ้ที่ไปด่าเขา ว่าเขาเรื่องกัญชาเสรี พอเจอกับนโยบายเหล่านี้คงต้องชิดซ้ายไปเลย

แต่มาวันนี้ พวกพรรคส้มเช้ง กลับมาออกนโยบายให้เกิดความเสียหาย ฉิบหายต่อสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมความเชื่อของชนเผ่าไทยมาช้านาน ตั้งแต่เริ่มก่อร่างสร้างชาติ

แถมยังมาอ้าง 14 ล้านเสียง คิดกระทำการย่ำยีสิ่งที่บรรพบุรุษเชื่อถือ รักษา และปฏิบัติสืบๆ กันมา จนนำพาให้ประเทศชาติเป็นปึกแผ่น มั่นคง งดงาม อย่างยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน

แต่คนพวกนี้กลับมาใช้นโยบายเพื่อทำลายรากฐานของชาติ ประเทศ และประชาชน

ด้วยการผลิตนโยบายรับรองกรรมชั่วร้ายว่าเป็นเรื่องควรทำ ย่อมส่งผลให้ผู้กระทำบังเกิดความเร่าร้อน ว้าวุ่น ทุกข์ระทม ตามมาเป็นทวีคูณ ทุกครั้งที่ประชาชนไปกระทำตามนโยบายของตนเองและ เมื่อนโยบายนี้ได้มีการนำมาปฏิบัติ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ อิ๊งค์ลั่นรื้อกฎหมายล้าหลังซ้ำซ้อน!

นายกฯอิ๊งค์ เปิดงาน FTI EXPO 2025 ปลุกภาคอุตสาหกรรม ผนึกกำลังภาครัฐ มุ่งสู่ศก.อนาคต ชี้ SME ตัวขับเคลื่อนหลักจีดีพีประเทศ เล็งรื้อกฎหมายล้าหลังซ้ำซ้อน อำนวยความสะดวกนักลงทุน

นายกฯ อิ๊งค์ประชุม ครม.สัญจรนัดแรกของปีที่สงขลา

นายกฯ อิ๊งค์ เตรียมบินถก ครม.สัญจรนัดแรกของปีที่สงขลา พร้อมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าพัฒนาภาคใต้ สั่ง รมต.ลงตรวจราชการ รับฟังปัญหาปชช. ด้วย

‘อดีตสว.ดิเรกฤทธิ์’ ยก 3 ข้อสำคัญปมชั้น 14 ‘นายกฯอิ๊งค์’ ตอบไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องไป

อดีตสว.ชี้เรื่องชั้น 14 รพ.ตร. จะแยกแยะ ใครเป็นฝ่ายค้านจริงหรือไม่? และ หาก นรม.ตอบคำถามไม่ได้ 3 ข้อ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบ นายกฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาเสียง อบจ. ได้หรือไม่

เรืองไกร ร้อง กกต. สอบ นรม. กับ 2 รมต. เป็นผู้ช่วยหาเสียง อบจ. หรือไม่ ถือเป็น ลูกจ้าง ตาม ม. 187 ต้องพ้นตาม ม. 170(5) หรือไม่ 

ฝ่ายค้านตั้งแท่นซักฟอก ขยี้จุดอ่อน-ทุบบริหารล้มเหลว ปรับ ครม.หลังปิดสภาฯ

มีความชัดเจนตามลำดับสำหรับ "ศึกซักฟอก-อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล" ของพรรคฝ่ายค้าน หลังโหมโรงมาตั้งแต่ปลายปี 2567 ว่าก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ รอบนี้เดือนเมษายน