
คณะนิติราษฏรได้เสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ต่อสาธารณะ เนื้อหาสำคัญคือย้ายออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ลดโทษ เพิ่มบทยกเว้นความผิดและบทยกเว้นโทษ และให้สำนักราชเลขาธิการเป็นผู้ร้องทุกข์แทนพระมหากษัตริย์ ร่างกฎหมายดังกล่าวพัฒนามาเป็นร่างแก้ไขมาตรา 112 ที่ส.ส.พรรคก้าวไกลยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2564 พรรคก้าวไกลยังคงนำหลักการทุกประการจากร่างฯดังกล่าวมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้งปี 2566
4 ก.ค.2566- นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก Kamnoon Sidhisamarn หัวข้อ ‘มาตรา 112 สอดคล้องกับหลักนิติธรรม’ ระบุรายละเอียดโดย เปิดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 28-29/2555
มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งที่อรรถาธิบายความเป็น “มาตรา 112” ในฐานะกฎหมายลำดับรองของรัฐธรรมนูญบทคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ฯขององค์พระมหากษัตริย์ และเป็น 1 ใน 2 คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่สำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอ้างถึงในความเห็นทางกฎหมายเมื่อปี 2564 ที่ระบุว่าร่างแก้ไขมาตรา 112 ของส.ส.พรรคก้าวไกลน่าจะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 6
นั่นคือ คำวินิจฉัยที่ 28-29/2555
คดีนี้เกิดขึ้นในยุคของรัฐธรรมนูญ 2550 ขณะนั้นบทคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์บัญญัติอยู่ในมาตรา 8 ยุคปัจจุบันรัฐธรรมนูญ 2560 ได้ขยับขึ้นมาอยู่มาตรา 6
เป็นคดีที่โด่งดังพอสมควรในยุคนั้น
จำเลยในคดีอาญา 2 คดี 2 คนต่อสู้โต้แย้งในชั้นพิจารณาคดีในศาลว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่พวกเขาถูกฟ้องว่ากระทำความผิดนั้นขัดรัฐธรรมนูญ 2550 หลายมาตราด้วยกัน ศาลอาญาจึงส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา 112 ไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญตามที่โต้แย้ง
ขอลำดับความโดยสรุปโดยภาษาของผมเองประมาณนี้
- มาตรา 112 สอดคล้องและเสมือนเป็นกฎหมายลูกบทของรัฐธรรมนูญมาตรา 2 และมาตรา 8 (หรือมาตรา 6 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน)
- พระมหากษัตริย์ทรงเป็นสถาบันหลักและคุณลักษณะประการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงต้องมีกฎหมายคุ้มครอง มิให้ผู้ใดละเมิด
- การละเมิดพระมหากษัตริย์จึงเป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
- มาตรา 112 จึงอยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ
- การคุ้มครองสถานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดละเมิดมิได้ขององค์พระมหากษัตริย์จึงเป็นการคุ้มครองเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น
- ต้องบัญญัติโทษไว้พอสมควรแก่เหตุ
- มาตรา 112 เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อความมั่นคงของรัฐที่สามารถกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 (ปัจจุบันอยู่ในมาตรา 34)
- มาตรา 112 สอดคล้องกับหลักนิติธรรม
- ฯลฯ
คำต่อคำของคำวินิจฉัยท่อนท้ายที่สำคัญ ณ ที่นี้เพื่อความกระชับขอคัดจากฉบับย่อ
“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯได้บัญญัติให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ จะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใด ๆ มิได้ และด้วยพระเกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการผดุงไว้ซึ่งเกียรติยศของประเทศและรักษาคุณลักษณะประการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีความชอบธรรมที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองมิให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ หลักการตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งให้ความคุ้มครองแก่สถาบันพระมหากษัตริย์จึงมีความสอดคล้องกับมาตรา 2 และมาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ การกำหนดบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดจึงเป็นไปเพื่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตามหลักนิติธรรม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงเป็นบทบัญญัติที่สอดคล้องกับหลักนิติธรรม…”
“มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาซึ่งกำหนดลักษณะความผิดเป็นพิเศษเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตย มาตราดังกล่าวจึงเป็นบทบัญญัติเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐหรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนตามมาตรา 45 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ อันเป็นเงื่อนไขแห่งการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น…”
“การกำหนดอัตราโทษตามมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ก็เป็นการกำหนดเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับลักษณะของการกระทำความผิดฐานดังกล่าว เพราะเป็นการกระทำความผิดที่มีความร้ายแรงมากกว่าการกระทำความผิดตามมาตรา 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา…”
“ประกอบกับเพื่อพิทักษ์ ปกป้องพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มิให้ถูกล่วงละเมิดโดยการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดรายได้โดยง่าย จึงไม่มีการบัญญัติเหตุยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษไว้…”
แน่นอน มีนักวิชาการบางคนแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยนี้ โดยกล่าวว่าเป็นคำวินิจฉัยตามแนวกษัตริย์นิยม
อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญกำหนดให้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร
ในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2564 คณะนิติราษฏรได้เสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ต่อสาธารณะ เนื้อหาสำคัญคือย้ายออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ลดโทษ เพิ่มบทยกเว้นความผิดและบทยกเว้นโทษ และให้สำนักราชเลขาธิการเป็นผู้ร้องทุกข์แทนพระมหากษัตริย์
ร่างกฎหมายดังกล่าวพัฒนามาเป็นร่างแก้ไขมาตรา 112 ที่ส.ส.พรรคก้าวไกลยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรเมื่อปี 2564
แต่ไม่ได้รับการบรรจุเข้าระเบียบวาระ เนื่องจากฝ่ายบริหารของสภาผู้แทนราษฎรเห็นว่าน่าจะขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6
พรรคก้าวไกลยังคงนำหลักการทุกประการจากร่างฯดังกล่าวมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้งปี 2566
เหตุจากมาตรา 112 เดินทางมาถึงศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้งในพ.ศ.นี้ โดยมีผู้ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุดและศาลรัฐธรรมนูญว่าการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ในลักษณะที่เป็นการลดการคุ้มครององค์พระมหากษัตริย์ของพรรคก้าวไกลเป็นการกระทำที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดการกระทำนั้นเสีย แม้เนื้อหาของคดีจะแตกต่างกัน แต่ในสำนวนคดีน่าจะต้องมีคำวินิจฉัยที่ 28-29/2555 รวมอยู่ด้วย อย่างน้อยในเบื้องต้นก็ปรากฎอยู่ในความเห็นทางกฎหมายของสำนักการประชุม สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เมื่อปี 2564 ที่อยู่ระหว่างการจัดส่งไปยังอัยการสูงสุดตามร้องขอ
อัยการสูงสุดจะวินิจฉัยสั่งการคำร้องนี้อย่างไร ยก หรือส่งศาลรัฐธรรมนูญ ?
ศาลรัฐธรรมนูญยุคปัจจุบันจะรับเรื่องไว้วินิจฉัยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีอัยการสูงสุดส่งมา หรือกรณีผู้ร้องใช้สิทธิยื่นโดยตรง ?
ถ้ารับไว้พิจารณา ผลการวินิจฉัยจะเป็นอย่างไร ?
อีกไม่นานจะมีคำตอบทั้ง 3 ประการแน่นอน !
จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในเบื้องต้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ชนนพัฒฐ์' ลั่นพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน! ผิดจริงวางมือทางการเมือง
'ชนนพัฒฐ์' ลั่นต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ชี้หากผิดจริงยอมวางมือทันที มั่นใจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ขอบคุณคำวิจารณ์ที่หวังดีต่อบ้านเมือง ด้าน เลขาฯ กธ.ย้ำ ผิดว่าไปตามผิด
อย่าประมาท 'บุรีรัมย์โมเดล' หลังพยานกลับคำ 'คดีฮั้ว สว.'
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า คดีฮั้ว สว. อย่าประมาท กรณีพยานกลับคำ
มท.ถอนสัญชาติไทยก๊อกอันพร้อมลูก 3 คน!
มท.เดินหน้าถอนสัญชาติไทย 'ก๊อกอัน' สว.เขมร พร้อมลูก 3 คน หลังพบโยงธุรกิจสีเทา สแกมเมอร์ - กาสิโน - ค้ามนุษย์ และฟอกเงิน
กกต.ส่งศาลฎีกา ฟันใบดำ -ใบแดง ผัวฮั้วสว.ให้เมีย
เชือดฮั้ว สว.ไปอีกราย! กกต.มีมติส่งศาลฎีกาสั่งใบดำ-ใบแดง พร้อมฟันอาญา "กำพล" อดีต สว. ปมจ้างคนลงสมัคร หวังให้เมียนอกสมรสได้รับเลือกเป็น สว.แปดริ้ว
กกต. มีมติส่งศาลฎีกา สั่งใบดำ-ใบแดง พร้อมฟันอาญา 'กำพล' อดีต สว.
เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต.มีมติให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าปมมติ สว. ส่ง 'นันทนา' ให้ ป.ป.ช. ฟันจริยธรรมร้ายแรง
สืบเนื่องจาก มติวุฒิสภาเสียงข้างมากวินิจฉัยชี้ขาดว่า นางนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา มีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และส่งให้ ปปช. เพื่อ


