30 ก.ย.2566 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า ในที่สุดพรรคก้าวไกลก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดว่าพรรคก้าวไกลไม่กล้าทำ นั่นคือลงมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือหมออ๋องออกจากพรรคเพื่อไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลดำรงตำแหน่ง ผู้นำฝ่ายค้านได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ผู้นำฝ่ายค้าน และประธานสภาผู้แทนราษฎรและตำแหน่งรองประธานสภาฯมาจากพรรคเดียวกัน
ความจริงนายปดิพัทธ์มีทางเลือกอีก 2 ทาง หนึ่งคือยอมสละโดยลาออกจากตำแหน่งประธานสภาเสียเอง อีกทางเลือกหนึ่งคือลาออกจากพรรคก้าวไกล แต่ทั้งสองทางเลือกนี้ ไม่เป็นที่ปรารถนาของหมออ๋องเพราะคงไม่ต้องการสละตำแหน่งรองประธานสภาฯ และพรรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องการเสียตำแหน่งรองประธานสภาฯไปเช่นกัน และการที่หมออ๋องลาออกจากพรรคเองก็ไม่สามารถจะไปเป็นสมาชิกพรรคอื่นได้ ดังนั้นเพื่อให้สมประโยชน์ทั้งสำหรับต้วหมออ๋องและพรรคก้าวไกล จึงมีทางเดียวคือต้องขับออกจากพรรคก้าวไกลเสีย วิธีนี้รัฐธรรมนูญเปิดให้ไปสมัครเข้าพรรคใหม่ได้ และก็จะเป็นพรรคอื่นไปไม่ได้นอกจากพรรคเป็นธรรม ซึ่งจะอยู่พรรคก้าวไกลหรือพรรคเป็นธรรมในทางปฏิบัติก็ไม่แตกต่างกัน
พรรคก้าวไกลก็ยังคงเป็นพรรคก้าวไกล เห็นชัดๆว่าใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อให้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และตำแหน่งรองประธานสภาฯเป็นของพรรคก้าวไกลทั้ง 2 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้ผู้นำฝ่ายค้านมีอิทธิพลต่อประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ยังไม่วายออกแถลงการณ์แบบหล่อๆ ความว่า
นายปดิพัทธ์ต้องการทำหน้าที่รองประธานสภาฯต่อไปเพื่อผลักดันให้สภามีประสิทธิภาพโปร่งใส และยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น ที่ประชุมร่วมเห็นว่า ภารกิจของนายปดิพัทธ์จะนำไปสู่การยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน แต่ยังคงยืนยันการเป็นพรรคฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงการได้เป็น ผู้นำฝ่ายค้านของหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้หากนายปดิพัทธ์ยังคงดำรงสถานะเดิมในฐานะรองประธานสภา จากพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องให้นายปดิพัทธ์ออกจากการเป็นสมาชิกของพรรคก้าวไกล เพื่อให้พรรคก้าวไกลสามารถทำหน้าที่ฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์
อยากได้ทั้ง 2 ตำแหน่งให้เป็นของพรรคก้าวไกล ถึงกับกล้าทำในสิ่งที่ใครๆบอกว่าเป็นการเมืองน้ำเน่า นี่ถ้าเป็นพรรคอื่นที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทำแบบเดียวกัน พรรคก้าวไกลคงดาหน้าออกมาประณามกันแบบไม่ยั้ง แต่นี่เป็นพรรคก้าวไกลทำเอง จึงกลายเป็นการทำเพื่อยกระดับการทำงานของสภา และเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และเพื่อจะได้เป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ในขณะเดียวกัน
ความจริงหากฝากให้นายปดิพัทธ์ให้อยู่พรรคอื่นๆเช่นพรรคภูมิใจไทย นายปดิพัทธ์ก็ยังคงดำรงตำแหน่งรองประธานสภา และพรรคก้าวไกลก็ยังเป็นพรรคฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ได้ไม่ใช่หรือ ทำไมต้องให้ไปอยู่พรรคเป็นธรรม
พรรคก้าวไกลก็ยังคงเป็นพรรคก้าวไกลเช่นเดิม กล่าวคือการพูดมักสวนทางกับการกระทำเสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เศรษฐา-พท. ตอบให้ชัด จะนิรโทษกรรมฯ เมื่อใด? พรรค "รทสช.” กำลังยกร่างฯ
หลังเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่ 12 ธ.ค. เป็นต้นไป หนึ่งในร่างกฎหมาย ที่รอการพิจารณาของสภาฯ ซึ่งถูกจับตามอง ก็คือ"ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิด
ไม่นิรโทษฯ ม.112 รัฐบาลจ่อคลอด ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขดับฝันก.ก.
ไม่นิรโทษฯ ม.112 รัฐบาลจ่อคลอด ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขดับฝันก.ก.
งามไส้! เปิดผลสอบ 'สส.ก้าวไกล' อ้างชื่อ กมธ.แรงงาน หาซีนหล่อให้ 'พิธา' ประสานอิสราเอล
เพจเฟซบุ๊ก วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร โพสต์ข้อความว่า ทุกคนคะ กรณีคุณพิธาได้โพสต์ลงโซเชียล มอบหมายให้ สส. สุเทพ อดีต กมธ.แรงงาน เป็นผู้ประสานงาน " กรณีช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล "
'อนุสรณ์' อบรมฝ่ายค้านชำแหละงบฯปี 67 ไม่ต้องรีบร้อนค้านไปหมดทุกเรื่องก็ได้
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่างบประมาณปี 67 กระทรวงมหาดไทยได้มากสุด ยอดพุ่งแซงกระทรวงศึกษาธิการ ว่า การตั้งข้อสังเกตวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณถือเป็นสิทธิ
'สส.รักชนก' นับถอยหลัง! ทำหนังสือวอนศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดี 112
นับถอยหลัง 'สส.ไอซ์ รักชนก' ระทึกศาลนัด 13 ธันวาอ่านคำพิพากษาคดี 112 เผยออกได้สองทางหนักสุดจำคุก 3-15 ปี-ไม่ให้ประกันตัวต้องพ้นสมาชิกภาพการเป็นสส.ทันที เจ้าตัวทำหนังสือขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไป เพื่อให้การทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนประชาชนไม่ติดขัด
สภาจัดยิ่งใหญ่! งานวันรัฐธรรมนูญ ครั้งแรกรอบ 66 ปี
สภาจัดยิ่งใหญ่ วันรัฐธรรมนูญรอบ 66 ปี ณ ลานประชาชน ทั้งเสวนา งานรื่นเริงตลอดทั้งวัน พร้อมเปิดรับฟังความเห็นร่วมร่าง รธน.ฉบับใหม่