'ข้อหารือนี้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อันเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดย่อมเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นในกรณีนี้จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น'
3 พ.ค.2567- สืบเนื่องจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ขอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี เฉพาะตามมาตรา 160 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีหนังสือลงวันที่ 1 ก.ย.2566 ตอบกลับเลขาธิการคณะรัฐนตรี โดยมีเนื้อหาระบุว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้พิจารณาข้อหารือดังกล่าว โดยมีผู้แทน สลค.และผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ชี้แจงข้อเท็จจริง และมีความเห็นในแต่ละประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่หนึ่ง เห็นว่ามาตรา 160 ของรัฐธรรมนูญฯ เป็นบทบัญญัติที่กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลซึ่งจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยใน (6) ของมาตราดังกล่าวบัญญัติว่า รัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 ซึ่งมาตรา 98 (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามไว้ว่า "เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลทุโทษ" ดังนั้น การได้รับโทษจำคุกไม่ว่าโดยคำพิพากษาหรือคำสั่งใด จึงเป็นลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี บุคคลซึ่งเคยได้รับโทษจำคุกในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล จึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว เว้นแต่บุคคลนั้นได้พ้นโทษเกินสิบปีแล้ว หรือได้รับโทษจำคุกในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ อันเป็นข้อยกเว้นที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
ประเด็นที่สอง เห็นว่ามาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า รัฐมนตรีต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวไม่รวมถึงคำสั่งให้จำคุก ดังนั้น ผู้ซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก
ทั้งนี้ การให้ความเห็นในกรณีนี้เป็นการตอบข้อหารือตามที่ผู้แทน สลค.ชี้แจงต่อกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ว่าประสงค์จะขอหารือเฉพาะกรณีมาตรา 160 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (7) และมาตรา 160 (7) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เท่านั้น
"อนึ่ง ข้อหารือนี้เกี่ยวข้องกับการพิจารณาบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ อันเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย การวินิจฉัยชี้ขาดเป็นที่สุดย่อมเป็นหน้าที่และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ การให้ความเห็นในกรณีนี้จึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น" ตอนท้ายของหนังสือกฤษฎีการะบุ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า สลค.ถามกฤษฎีกาประเด็นเดียวเรื่อง โทษจำคุก ซึ่งรับโทษพ้น 10 ปีมาแล้ว จึงไม่ขัดต่อ รธน. มาตรา 160 (6) ประกอบมาตรา 98 (7) ส่วนคุณสมบัติตาม มาตรา 160 (4) "มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์" และ (5) "ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง" ไม่ได้ถามแต่อย่างใด
เมื่อวันอังคาร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเตรียมร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบวินัยร้ายแรงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้เสนอชื่อรัฐมนตรีว่า ยังไม่ทราบเรื่องครับ แต่เข้าใจว่าในสิ่งที่เป็นข่าวอยู่ ก่อนที่จะมีการเสนอชื่อก็ได้ส่งรายชื่อให้ตรวจสอบโดยคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว
เมื่อถามว่า มั่นใจในข้อกฎหมายเรื่องคุณสมบัติของนายพิชิตใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า "ได้ถามคณะกรรมการกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ก็มั่นใจครับ"
สำหรับนายพิชิต ชื่นบาน เป็นทนายความครอบครัวชินวัตร เคยต้องคำสั่งศาลฎีกาเมื่อปี 2551 ให้จำคุก 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ในคดี "ถุงขนม 2 ล้านบาท" ฐานละเมิดอำนาจศาล ขณะเดียวกันก็ถูกเพิกถอนใบอนุญาตทนายความด้วย จึงถูกร้องเรียนว่า เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5)
เมื่อปรากฏหนังสือตอบกลับของกฤษฎีการะบุในตอนท้ายดังกล่าว ทำให้สถานะความเป็นรัฐมนตรีของนายพิชิต ต้องมีข้อยุติที่ศาลรัฐธรรมนูญ
มีรายงานด้วยว่า ภายหลังมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายเศรษฐา ทวีสิน เป็น นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566 มีชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ติดโผ ครม.ชุดแรกด้วย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 มีพระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ไม่ปรากฏชื่อนายพิชิตแต่อย่างใด แต่การปรับ ครม.ครั้งล่าสุด กลับมีชื่อนายพิชิต เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กระทั่งมีการยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และ กกต. และมีการเผยแพร่หนังสือตอบกลับของกฤษฎีกา ลงวันที่ 1ก.ย.2566 ที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.มีหนาว! เลขา กกต.ปูดส่ง 10 สำนวนให้ศาลแจกใบดำ-แดง
เลขา กกต.เผย กําลังประมวลข้อมูล หลังผู้ตรวจการฯ โยนตรวจสอบคุณสมบัติ "พิชิต" ระบุมี 10 สํานวนส่งศาลพิจารณาแจกใบดํา-แดง
'พิชิต' ขึงขังสั่ง พศ.ต้องชี้ถูกชี้ผิดปม 'เด็กเชื่อมจิต' ให้ได้
'พิชิต' ตั้งกรรมการสอบกรณี 'เด็กเชื่อมจิต' ลั่นยุคนี้สำนักพุทธฯ ต้องกล้าชี้ถูกชี้ผิด จ่อแถลง 17 พ.ค เดี๋ยวได้รู้เชื่อมได้หรือไม่ พร้อมสังคายนาใหม่หมด ทำงานเชิงรุกให้ทุกคนพอใจ
'พิชิต' ยันโครงการทำเนียบฯ ช่วยได้ออกมาจากใจไร้การเมือง!
'พิชิต' ยัน โครงการ 'ทำเนียบฯ ช่วยได้' ไม่มีเอี่ยวการเมืองหวังลบภาพรัฐบาลก่อน ย้ำเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจ ขอทำหน้าที่บุรุษไปรษณีย์ ส่งปัญหาประชาชนถึง 'นายกฯ' สั่งการแก้ให้สำเร็จ
'รมต.ถุงขนม' การันตีประเด็นข้าวค้างเก่า 10 ปีไม่มีการเมือง!
'พิชิต' ขออย่าตีเป็นประเด็นการเมืองหวังฟอกขาวคดีจำนำข้าว หลัง 'ภูมิธรรม' บุกโกดังสยบข้าวเน่า แย้มแค่พบเบาะแสเร่งขายตีเป็นข้าวเน่าเอาไปทำอาหารสัตว์ เผยมีคนยื่น DSI ตรวจสอบแล้ว
'พิชิต' ประเดิมงานแรกปรับโฉมศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์!
รมต.พิชิต ประเดิมงานแรก ปรับโฉม 'ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล' เป็น 'ทำเนียบฯ ช่วยได้' รับเรื่องร้องทุกข์ -ปราบอาชญากรรมออนไลน์
นายกฯรับไม่ทราบขั้นตอน 'กฤษฎีกา' ให้ศาลรธน.ชี้ขาดคุนสมบัติ 'พิชิต' ยันทุกอย่างเป็นไปตามกม.
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยเพื่อร่วมกิจกรรม "10 เดือนที่ไม่ต้องรอ ทำต่อให้เต็ม 10" ซึ่งจะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ. ในนามพรรคเพื่อไทย