
11 มิ.ย.2568 - ก่อนจะถึงการประชุมแพทยสภา ในวันพรุ่งนี้ พฤหัสบดีที่ 12 มิ.ย.ซึ่งที่ประชุมจะมีการหารือและลงมติกันว่าจะยืนยันมติเดิมเมื่อ 8 พ.ค.ที่ให้ลงโทษแพทย์สามคน ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษานายทักษิณ ชินวัตร ที่รพ.ตำรวจ เป็นเวลาร่วม 181 วัน หลังเมื่อ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภาได้วีโตมติดังกล่าว และล่าสุดนายสมศักดิ์ จะเดินทางไปร่วมประชุมแพทยสภาด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้
นพ.ชาติชัย อติชาติ แพทย์ศิริราช รุ่น 90 ในฐานะผู้ดูแลเพจประชาคมแพทย์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวเปิดระบบออนไลน์ ผ่านกูเกิลฟอร์มให้แพทย์ร่วมกันลงชื่อ สนับสนุนความโปร่งใสในการประชุมใหญ่กรรมการแพทยสภาด้วยการให้กรรมการแพทยสภาลงมติอย่างเปิดเผยและให้แพทยสภา เปิดเผยผลการลงมติของกรรมการต่อสังคม ให้ความเห็นต่อประเด็นที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษได้เหตุผลต่างๆมาวีโต้มติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์สามคน ฟังขึ้นหรือไม่ในเชิงทางการแพทย์ โดยนพ.ชาติชัย ให้ความเห็นว่าจากข่าวที่สื่อนำเสนอเหตุผลการวีโต้ของรมว.สาธารณสุข ในเชิงการแพทย์ บางส่วนฟังขึ้น แต่ในส่วนของการลงโทษจะถึงขั้นจะยกโทษไปเลยหรือไม่ อันนี้ผมขอวิเคราะห์มติของแพทยสภาทีละคน
เริ่มจากคนแรกที่เป็นแพทย์หญิง ซึ่งไม่ใช่ผู้ Refer (ส่งต่อผู้ป่วย-คนไข้)แต่เป็นผู้เขียนเอกสารต่างๆ และเป็นผู้อนุญาตด้วยวาจาให้นำเอกสารดังกล่าวผนวกไปกับการ Refer ได้ ลักษณะดังกล่าวในทางการแพทย์-ทางเทคนิค การReferเป็นงานละเอียดในเรื่องเอกสารการส่งตัวคนไข้ การเขียนเอกสารไว้ล่วงหน้า มันไม่ได้เป็นความผิดที่รุนแรงแต่อาจต้องตักเตือนเหมือนกันเพราะเป็นเอกสารที่เขียนไว้ล่วงหน้า ประมาณสิบสองชั่วโมง ยกตัวอย่าง ซึ่งถามว่า ณ เวลานั้นอัพเดตหรือไม่ ที่คนไข้ซึ่งต้องReferตอนเที่ยงคืน มันไม่ใช่ข้อมูลที่อัพเดต เพราะฉะนั้นการอนุญาต โดยที่หมอแพทย์หญิงคนดังกล่าวบอกว่าให้ใช้เอกสารดังกล่าว(เขียนไว้ล่วงหน้า) ได้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งตัว มันก็จะทำให้ข้อมูลมันคลาดเคลื่อนไปได้ เพราะการตรวจร่างกายต่างๆ เช่นการวัดชีพจร วัดความดันต่างๆ ข้อมูลที่หมอบันทึกไว้มันไม่ใช่ข้อมูลที่ทันสมัย มันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ป่วยอยู่ดี
“แต่มันจะเป็นความผิดรุนแรงหรือไม่ ผมคิดว่าแพทยสภามีเหตุผลที่ให้ตักเตือนแพทย์หญิงคนดังกล่าว เพราะมันเป็นความละเอียดของงาน ซึ่งจริงๆ โดยอุดมคติ คุณควรขับรถมาจากบ้าน ถ้าสมมุติแพทย์เวรไม่ได้มา หรือไม่มีตัวตนหรือไม่ได้มาจริงๆ หมอที่เป็นแพทย์หญิงคนดังกล่าวที่ทำงานช่วงกลางวัน แล้วมีคนโทรศัพท์มาบอกว่า ขออนุญาตนำเอกสารที่หมอเขียนไว้ตอนกลางวันแนบไปด้วยได้หรือไม่ หากผมเป็นหมอคนดังกล่าว ผมก็อาจให้คนในบ้านช่วยขับรถเป็นเพื่อนไปตรวจคนไข้รายดังกล่าว ซึ่งคนไข้ดังกล่าวก็ถือว่าเป็นคนสำคัญเพราะคนจับตาเรื่องนี้ เพราะหากจะReferช่วยกลางคืน มันก็ต้องมีเหตุผล ต้องมีข้อมูลอัพเดต ก็ขับรถมาเลย แล้วก็เขียนเอกสาร ถ้าแบบนี้ทุกอย่างจบเลย ทุกอย่างจะเป็นไปตามกระบวนการไม่มีใครว่าเขาได้แม้แต่คนเดียว ถ้าแพทย์คนดังกล่าวขับรถมาในช่วงเที่ยงคืนวันนั้น หากช่วงนั้นไม่มีแพทย์ประจำอยู่ในเรือนจำ เมื่อเขาเป็นคนตรวจคนแรก ก็อาจรู้อาการ อาจรู้ความเปลี่ยนแปลง ประเมินอาการได้ แต่คราวนี้อาจให้อภัยแพทย์คนดังกล่าวได้ เพราะอาจต้องรีบส่งตัว เพราะผมก็ไม่รู้สำนวนการสอบสวนเป็นอย่างไร แต่ทางสภานายกพิเศษ วีโต้มาบอกว่า ให้ยกโทษไปเลย ซึ่งผมไม่เห็นด้วยตรงนี้ เพราะประเด็นการวีโต้ดังกล่าวไม่ได้คำนึงถึงงานที่ละเอียดของงานส่งตัวที่เป็นงานละเอียด”นพ.ชาติชัยระบุ
นพ.ชาติชัยกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจสองคนที่ถูกแพทยสภาให้ลงโทษพักใบประกอบวิชาชีพ ฯ ซึ่งก็มีทั้งประเด็นเช่นการให้สัมภาษณ์สื่อ(อาการคนไข้นายทักษิณ) ก็ต้องมาdiscuss กันถึงรูปแบบ-วิธีการ ซึ่งกรรมการเขาเห็นว่า รูปแบบการให้สัมภาษณ์มันเหมือนการให้ความเห็น ซึ่งการให้ความเห็นโดยไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ก็จะถือว่าไม่ถูกจรรยาบรรณ แต่สภานายกพิเศษที่วีโต้มาบอกว่า เป็นการให้สัมภาษณ์โดยไม่ตั้งตัว
“โดยสรุปผมก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเหตุผลในการวีโต้ เพราะใครๆก็ดูออกว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งสภานายกพิเศษ เขาก็ใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการวีโต้ แต่ที่บอกว่าแพทย์ใหญ่รพ.ตำรวจ สองคนดังกล่าวให้ยกประโยชน์ให้ไปเลย คือ ไม่ให้มีความผิดเลย ซึ่งมันก็เป็นการกลับหน้ามือเป็นหลังมือ ที่ผมไม่เห็นด้วยในประเด็นที่ยกมาวีโต้ ซึ่งแพทย์ส่วนมากก็เห็นความผิดปกติอยู่แล้วว่าผู้ป่วย ไม่ได้ป่วยอะไรจนอยู่รพ.ถึง 180 วัน ใครก็ดูออกถึงเจตนาว่าเพื่อยืดเวลาไปจนถึงช่วงการให้มีการพักโทษ ดูกันออกอยู่แล้ว ซึ่งมันก็มีรายละเอียดอีกเยอะถึงความไม่ชอบมาพากลต่างๆ”นพ.ชาติชัยกล่าว
นพ.ชาติชัยกล่าวด้วยว่า ต่อให้ไม่มีเรื่องของแพทยสภา แต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนเรื่องนี้ มีสองประเด็นสำคัญ ก็สามารถชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของราชทัณฑ์ได้ชัดเจน ประเด็นแรกคือความมีอยู่ที่แท้จริงขอแพทย์เวร ที่ต้องขอบคุณ สภานายกพิเศษ ที่เขียนข้อความในเอกสารวีโต้ที่ส่งให้แพทยสภา ที่ระบุคำว่าแพทย์เวร เพราะเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าสรุปแล้วมีแพทย์เวรในวันนั้นหรือไม่ แต่ข้อความในวีโต้ของสภานายกพิเศษเขียนไว้ว่า พยาบาลได้โทรศัพท์ปรึกษาแพทย์เวร มันกลายเป็นว่า อาจจะเกิดการกั๊กข้อมูลหรือไม่ ของแพทยสภา ไม่มีการระบุแพทย์เวรเลยทั้งสิ้น แต่ในการวีโต้ของคุณสมศักดิ์มีการบอกว่ามีแพทย์เวร นี้คือข้อที่แตกต่างกันชัดเจน ซึ่งมีพิรุธชัดเจน สรุปว่าแพทย์เวรมีตัวตนจริงหรือไม่ เพราะเป็นองค์ประกอบของการส่งตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย คือความเห็นของผบ.เรือนจำและความเห็นว่า ต้องไปรักษาสถานพยาบาลเฉพาะของแพทย์ผู้ตรวจรักษา ถึงจะเข้าองค์ประกอบของมาตรา 55 พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560
“อีกประเด็นคือเรื่องหลักฐานการรักษาพยาบาลทางอ้อม ศาลก็อาจดูเรื่องอื่นๆเช่น ใบเสร็จรับเงิน ที่หากจะไปตกแต่งหรือไปเมกภายหลัง น่าจะลำบาก ก็ดูสองประเด็นคือเรื่องของแพทย์เวร ว่ามีตัวตนหรือไม่ ที่อาจจะเป็นพยานสำคัญ หรืออาจจะเป็นผู้ต้องหาสำคัญ เป็นไปได้ทั้งสองอย่าง ส่วนประเด็นที่สองเช่นเรื่องของใบเสร็จ ก็เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นที่ รพ.ตำรวจ ดูๆแล้วก็น่าเป็นห่วง"นพ.ชาติชัยระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาลนัดพิพาษาคดีทักษิณหมิ่นสถาบัน 22 ส.ค.ตามคาด 'วิษณุ-ธงทอง' เป็นพยานฝ่ายจำเลย
ศาลอาญานัดพิพากษาคดี 'ทักษิณ' หมิ่นเบื้องสูง 22 ส.ค.นี้ 'วิญญัติ' เตรียมเเถลงปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษร 15 วัน เชื่อจะได้รับความเป็นธรรม
'หมอเดชา' ขู่ 'สมศักดิ์' เตรียบพบความจริง หากดัน 'กัญชา' เป็นยาเสพติด เลือกข้างล็อบบี้ยิสต์
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
ภูมิธรรมไม่กล้าหือ! ปม 'ทักษิณ' บอกอนาคตอาจต้องกลืนเลือดร่วมงานภูมิใจไทย
'ภูมิธรรม' ไม่ขอก้าวล่วง หลัง 'ทักษิณ' บอกอนาคตอาจต้องกลืนเลือดร่วมงาน 'ภูมิใจไทย' มองขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเมืองขณะนั้นหากจำเป็น
นักวิชาการตบหน้า 'พ่อ-ลูก' ชินวัตรปม 'กาสิโน-นักท่องเที่ยวจีน'
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
'อดีต สว.สมชาย' ย้ำอาชญกรรมย่อมทิ้งร่องรอยบี้ตามหากล้องวงจรปิดปมป่วยทิพย์
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
'เทพไท' ถอดรหัส 'ทักษิณ' โชว์วิสัยทัศน์บอกหลงยุคหลงตัวเองขายฝันแก้ตัว!
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช