‘ดร.ไตรรงค์’ แนะ ‘ครม.’ ทางออกรถไฟฟ้าสายสีเขียว ใช้วิธี ‘พล.อ.เปรม’

‘ดรไตรรงค์’ เล่าอดีต ครม.สมัยพล.อ.เปรม ก็เคยมีความขัดแย้งประเด็นภาษีเหล่า สุดท้ายเลือกใช้วิธีประชาธิปไตยยกมือเสียงข้างมาก บอกปัจจุบัน “นายกฯประยุทธ์” จะนำวิธี ‘ป๋า’ ไปใช้แก้ปมรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็ได้ แต่ทุกคนต้องยึดประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

13 ก.พ.2565-ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “รถไฟฟ้าสายสีเขียว  ทางออกของครม.” ระบุว่า ปกติการพิจารณาวาระต่างๆ ที่ต้องขอมติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นประเพณีมาตลอดประวัติศาสตร์ของไทย ก็คือการซาวเสียงโดยไม่ต้องยกมือลงมติกันเพราะเรื่องที่เสนอมานั้นล้วนเป็นเรื่องที่กว่าจะเข้าสู่การประชุม ค.ร.ม. ได้ จะต้องมีการถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานในกระทรวงเดียวกันหรือหน่วยงานจากต่างกระทรวง ทั้งนี้ รวมทั้งหน่วยงานที่เป็นกลาง เช่น สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจ คณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นต้น

การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีจึงมักจะไม่มีความขัดแย้งที่รุนแรง เพราะ #ทุกคนเป็นผู้ใหญ่ของประเทศย่อมไม่มีมิจฉาทิฏฐิ และ #ไม่ควรมีมานะทิฏฐิ ทำใจเป็นกลางๆ หวังผลประโยชน์สุขของประชาชนเป็นใหญ่ จึงย่อมฟังเหตุผลของกันและกันอย่างที่กัลยาณมิตรพึงกระทำกัน อาจมีการซักถามรายละเอียดกันบ้างเพื่อให้ทุกอย่างมีความเข้าใจตรงกันที่สมบูรณ์เพราะเมื่อมีมติเช่นใดออกไป ทุกคนที่เป็นรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกัน วาระเพื่อการพิจารณาจึงมักจะผ่านมติ ค.ร.ม.ไปได้โดยเรียบร้อยดีมาโดยตลอดของประวัติศาสตร์ ค.ร.ม. ไทย

แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าไม่เคยมีมติ ค.ร.ม. ที่เกิดจากความขัดแย้งทางความคิดจนถึงขั้นที่ต้องยกมือลงมติกันเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น เมื่อสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง ระหว่าง พลเอกชาติชาย ชุณหวัณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กับนายสมหมาย ฮุนตระกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในเรื่องการขึ้นภาษีการผลิตเหล้าเมื่อการโต้เถียงกันของทั้งสองฝ่ายดูแล้วไม่มีทางที่จะรอมชอมกันได้เลย พลเอกเปรม ผู้เป็นประธานที่ประชุมเลยพูดขึ้นว่า  “สิ่งที่ผมจะทำดังต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะทำมาก่อนเลย และขอให้เป็นการกระทำครั้งสุดท้าย ไม่อยากให้เป็นเช่นนี้อีก กล่าวคือ ผมจะขอมติจากที่ประชุมให้ทุกคนใช้วิธียกมือว่าใครเห็นด้วยกับท่านชาติชายและใครเห็นด้วยกับท่านสมหมายขอให้ทุกคนอย่ายกมือด้วยการเกรงใจผู้ใด  ขอให้ใช้จิตสำนึกพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หลังลงมติแล้วขอให้ทุกคนรักกันเหมือนเดิม ขอให้ทุกคนทำงานร่วมกันด้วยความสนุกสนาน บ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ดี”

หลังจากการใช้วิธียกมือลงมติกันผลปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคุณสมหมาย มติ ค.ร.ม.ในเรื่องนั้นจึงออกตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง แต่ผมยังรู้สึกนับถือสปิริตประชาธิปไตยของพลเอกชาติชาย หัวหน้าพรรคชาติไทยในขณะนั้น ที่ยอมรับมติเสียงส่วนใหญ่ด้วยหน้าตายิ้มแย้มและหัวเราะอย่างน่ารักมากพร้อมยกมือแสดงสัญลักษณ์ว่า “OK” และพรรคชาติไทยของท่าน (ทั้งรมต. และ ส.ส.) ก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับเสถียรภาพของรัฐบาลเพราะเหตุของเรื่องนี้แต่ประการใด

#สรุป เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีข้อขัดแย้งกันในด้านเหตุและผล หวังว่าจะจบลงด้วยดีตาม “ประเพณีการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี” ดังที่ผมอธิบายในย่อหน้าที่ 2 ข้างต้น (หากไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อย่างอื่นที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าผลประโยชน์ของ ประเทศชาติและประชาชนซึ่งผมเชื่อว่าคงจะไม่มี) แต่ถ้าด้วยเหตุด้วยผลแล้วยังตกลงกันไม่ได้อย่าให้เรื่องเรื้อรัง ชาติและประชาชนจะเสียหาย ค.ร.ม. อย่าทำตัวเหมือน สภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน

ท่านนายกรัฐมนตรีจะใช้วิธีของพลเอกเปรม ดังที่ผมอธิบายไว้ในย่อหน้าที่ 3 ก็ได้ครับ  แต่ขอความกรุณารัฐมนตรีทั้งหลายอย่าให้วิธีการของพลเอกเปรม เกิดขึ้นบ่อยก็แล้วกัน เพราะมันอาจทำให้คนสงสัย เรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของส่วนรวมได้ ให้ภาพพจน์มันตกต่ำเฉพาะเรื่องในสภาผู้แทนราษฎรก็พอครับ อย่าให้ลามมาถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีเลยครับ  #บ้านเมืองจะได้เหลือบางสถาบันทางการเมืองเอาไว้ให้ประชาชนเคารพนับถือ เชื่อใจ และฝากความหวังเอาไว้ได้บ้าง อย่าให้พังไปเสียหมดเลย ขอ #บิณฑบาต เถิดครับ #ผมขอเรียนว่าความเห็นที่ลงในเฟซบุ๊ก เป็น #ความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับพรรคปชป.แต่อย่างใด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. อนุมัติงบ 1.9 พันล้าน ช่วยบรรเทาค่าไฟกลุ่มเปราะบาง เดือน ก.ย.-ธ.ค.67

นายคารม พรพลกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 ก.ค.67 เคยอนุมัติหลักการช่วยบรรเทาค่าไฟฟ้ากลุ่มเปราะบาง วันนี้ (11 ธ.ค.) ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณ 1,900 ล้านบาท

'ครม.'เห็นชอบไทยจัดวอลเลย์หญิงโลก 32ชาติร่วมตบ22ส.ค.-7ก.ย.68 กระจาย4สนามทั่วปท.

เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค. ที่ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แถลงข่าวผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 3 ธันวาคม ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกในปี 2568 ตามที่กระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ซึ่งเป็นไปตามที่สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ( FIVB ) ได้ให้เกียรติประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการนี้ โดยได้พิจารณาเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพความพร้อมทุกด้านทั้งสนามแข่งขัน ที่พัก บุคลากร ตลอดจนการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทยมีแฟนคลับวอลเลย์บอลจำนวนมาก ชมและเชียร์อย่างสุภาพให้เกียรตินักกีฬาทุกประเทศ ประกอบกับประเทศไทยมีประสบการณ์ในการจัดการแข่งขันระดับนานาชาติมาหลายรายการ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสำเร็จจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลเนชั่นลีก ( VNL) รอบชิงชนะเลิศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

'ภูมิธรรม' ปัด พท. ยึดอำนาจกองทัพสกัด 'ปฏิวัติ' อ้างรอผลศึกษาก่อน

'ภูมิธรรม' ขออย่าเพิ่งคิดไกล ปม 'สส.เพื่อไทย' ชงแก้ กม.กลาโหม ให้อำนาจ ครม. ตั้งนายพล สกัดรัฐประหาร ชี้รอฟังผลศึกษา ปัดล้วงลูกข้าราชการ ไม่มีเจตนาลดอำนาจทหาร ชี้กองทัพ-การเมืองคุยกันดี

รัฐบาลตีปี๊บแถลงผลงาน 90 วัน 12 ธ.ค. มั่นใจประเทศไทยไปได้สวย

รัฐบาลแถลงผลงาน 90 วัน “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง“ พฤหัสนี้ มั่นใจประเทศไทยไปได้สวย หลังพบทุกมิติของประเทศคึกคัก คาดจีดีพีปีหน้าเติบโตสู้ประเทศในอาเซียนได้แน่

ครม.เห็นชอบไทยเสนอตัว จัดวอลเลย์หญิงชิงแชมป์โลก2025 คาดมีรายได้กว่า8พันล้าน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women’s World Championships 2025 ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ ซึ่งสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย ได้นำเรื่องการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล์ FIVB Women's World Championships 2025 เสนอในที่ประชุมใหญ่สามัญของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ครั้งที่ 39 ระหว่างวันที่ 15 - 17 พฤศจิกายน 2567 ณ เมืองปอร์โต้ สาธารณรัฐโปรตุเกส และจะต้องแจ้งยืนยันการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล FIVB Women's World Championships 2025 ของประเทศไทยอย่างเป็นทางการไปยังสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ภายในวันที่ 6 ธันวาคม 2567 และได้กำหนดให้มีพิธีจับฉลากแบ่งสายภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2567

ครม. อนุมัติสร้างทางด่วนยกระดับ บางขุนเทียน-บางบัวทอง คาดแล้วเสร็จปี 71

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอน ทางยกระดับบางขุนเทียน - บางบัวทอง ของกรมทางหลวงกระทรวงคมนาคม (โครงการ M9)