11:00 น. วันนี้ กลายเป็นจังหวะที่ประวัติศาสตร์ไทยถูกบันทึกใหม่ ศาลฎีกาฯมีคำสั่งให้อดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกต้องก้าวสู่เรือนจำจริง หลังหนึ่งปีที่โทษจำคุกถูกแขวนไว้โดยไม่เคยใช้ภายใต้กำแพงเหล็ก บทหนึ่งของการเมืองไทยถูกปิดลง แต่เรื่องราวยังไม่สิ้นสุด เพราะหน้ายังเปิดค้างรอให้ชื่ออีกคนกลับมาปรากฏในเงื่อนไขเดียวกัน
ประวัติศาสตร์การเมืองไม่เคยเดินเป็นเส้นตรง หากแต่วนเวียนกลับมาเหมือน เกลียวคลื่นที่ซัดฝั่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องราวที่คิดว่าถูกปิดฉากไปแล้ว มักจะหวนคืนมาในรูปแบบใหม่ ราวกับ เสียงสะท้อน ที่ไม่เคยเลือนหายจากหุบเขาแห่งกาลเวลา
ตลอดสองทศวรรษ การเมืองไทยเต็มไปด้วย การเวียนซ้ำ ของชะตากรรม เพียงแต่เปลี่ยนฉาก เปลี่ยนตัวละคร และเปลี่ยนวิธีการเผชิญหน้า ทว่า ชื่อทักษิณ ชินวัตร ยังคงดังก้องอยู่เสมอ ไม่ใช่เพียงเพราะตำแหน่งอดีตนายกรัฐมนตรี แต่เพราะทุกก้าวย่างของเขาได้ทิ้งร่องรอยที่ทั้งประเทศต้องหันกลับมามอง
และแล้วก็มาถึง หมุดหมายที่สังคมค้างคา วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องชี้ขาดในคดี บังคับโทษ คำสั่งที่มิได้เป็นเพียงตัวหนังสือในเอกสาร แต่คือ ประตูที่เปิดออกเพื่อให้ความจริงที่หลบเร้นต้องปรากฏ
โทษจำคุก 8 ปี ของอดีตผู้นำรายนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิด แต่คือ หนี้เก่าที่ประวัติศาสตร์ค้างไว้ รอวันต้องชำระ ตลอดช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตต่างแดน เงาของโทษยังติดตามไม่ห่าง
เมื่อก้าวกลับสู่มาตุภูมิ โทษทั้งหมดถูกนำมาบังคับใช้ แต่เพียงไม่นานก็ได้รับ พระราชทานอภัยลดโทษ จาก 8 ปีเหลือเพียง 1 ปี ตัวเลขที่เล็กลงในกฎหมาย แต่กลับใหญ่โตในสายตาสังคม เพราะแม้เพียงปีเดียวก็ยังไม่เคยถูกใช้จริง
วันแรกที่กลับถึงไทย อดีตนายกฯ มิได้ก้าวสู่เรือนจำ หากแต่พักรักษาที่ โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 สถานที่ที่กลายเป็น สัญลักษณ์แห่งข้อกังขา ว่านี่คือการรักษาพยาบาล หรือเป็นเพียง การเลี่ยงโทษในรูปแบบใหม่
คำถามที่สังคมก้องอยู่คือ หนึ่งปีนี้นับจากที่ใด? หากการนอนบนเตียงผู้ป่วยถูกนับเป็นการรับโทษ เท่ากับว่า ผนังสีขาวและกลิ่นยา แทนที่กำแพงเรือนจำ แต่หากไม่นับ หนึ่งปีนั้นยังรออยู่ และต้องถูกใช้ใน คุกจริง
และเมื่อ เข็มนาฬิกาเดินถึง 11:00 น. ของวันนี้ คำถามที่ค้างคามานานก็สิ้นสุดลง ศาลและกาลเวลาประสานเสียงเดียวกันว่า ทักษิณต้องติดคุกจริง ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกที่ถูกบังคับโทษจำคุกอย่างแท้จริง
11:00 น. จึงมิใช่เพียงตัวเลขของเวลา แต่คือ หมุดหมายที่ลงดาบ คำสั่งศาลในชั่วโมงนั้นไม่เพียงเปลี่ยนอดีตที่เลี่ยงหลบมานาน ให้กลายเป็นปัจจุบันที่ปฏิเสธไม่ได้ หากยังเปลี่ยนสถานะของชายคนหนึ่งจาก ผู้นำสูงสุดของประเทศ สู่ นักโทษเด็ดขาด เหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ไทยมาก่อน
นับแต่นี้ ประเทศไทยถูกจารึกในสารบบโลกว่าเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่อดีตผู้นำสูงสุดต้องก้าวเข้าสู่เรือนจำด้วยคำพิพากษา เหตุการณ์นี้มิใช่เพียงประเด็นการเมือง แต่คือ บันทึกประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ที่จะถูกหยิบยกเล่าขานไปอีกยาวนาน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่เพียงปิดบันทึกที่ค้างมานาน แต่ยังทำให้สิ่งที่ผู้คนเรียกว่า คำสาปการเมือง ปรากฏเด่นชัดกว่าครั้งไหน ทักษิณใช้เวลากว่าทศวรรษต่างแดนเพื่อหลบเลี่ยง แต่ท้ายที่สุดก็มาถึงจุดที่กฎหมายรออยู่ และเมื่อเข็มนาฬิกาหยุดลงที่ 11:00 น. ของวันนี้ คำตอบเดียวที่ดังขึ้นคือ ต้องติดคุกจริง
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือ กลไกของกฎหมายและกาลเวลา ที่ทำงานคู่กัน คำพิพากษาไม่เคยเสื่อมสลาย ตรงกันข้าม เมื่อเวลาผ่านไป มันยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น เพราะสังคมรอคอยการชำระหนี้ที่ค้างคามายาวนาน
และเมื่อบทของพี่ถูกปิดลง คำถามก็เลื่อนไปยังน้อง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ยังมีโทษจำคุก 5 ปีจากคดีโครงการรับจำนำข้าว รออยู่ เธอคือโจทย์ที่กาลเวลา ยังไม่เฉลย แต่เส้นทางเดียวกันรออยู่เบื้องหน้า
การที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดต้องกลับมารับโทษในคุกจริง มิใช่เพียงการบังคับใช้กฎหมาย แต่คือ บทเรียนทางประวัติศาสตร์ ที่ชี้ชัดว่าไม่มีใครรอดพ้นจาก สัจจะของเวลา
และนี่เองคือเหตุผลที่ชื่อของเขายังไม่เคยจางหายไปจากการเมืองไทย ทุกครั้งที่สังคมคิดจะก้าวต่อ ภาพเดิมก็ย้อนกลับมาทาบทับอีกครั้ง และเมื่อวันหนึ่ง ยิ่งลักษณ์ หวนคืนมาเพื่อเผชิญคดีจำนำข้าว คำถามเดิมก็จะถูกจุดขึ้นใหม่
คำสั่งศาลในวันนี้จึงไม่เพียงเป็นคำตอบที่ปิดข้อกังขา แต่ยังเป็น ประตูที่เปิดไปสู่ความไม่แน่นอน ของหน้าถัดไปที่ยังรอการเขียน
จากวันนี้ไป ทักษิณจะไม่ถูกจดจำเพียงในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีผู้สร้างเครือข่ายอำนาจใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่ยังเป็น อดีตผู้นำประเทศคนแรกที่ถูกบังคับโทษจำคุกจริง การเปลี่ยนสถานะนี้เจ็บลึกยิ่งกว่าการแพ้เลือกตั้งหรือการถูกรัฐประหาร เพราะมันคือบันทึกที่กฎหมายและเวลาได้จารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์
บ่วงคุก นี้เองที่ลากทุกสิ่งกลับไปยังจุดเริ่มต้น ไม่ว่าผู้มีอำนาจจะพยายามหนีไปไกลเพียงใด สุดท้ายก็ถูกดึงกลับมาสู่ประตูเรือนจำ
เรื่องราวนี้จึงไม่ใช่เพียงชะตาของบุคคล แต่คือ ร่องรอยที่กาลเวลาจารึกไว้ ทุกครั้งที่ชื่อเหล่านี้กลับมา ประเทศไทยก็ถูกบังคับให้หันกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยังค้างคา
บ่วงคุกและคำสาปการเมือง ไม่เพียงลงทัณฑ์ผู้นำ แต่ยังพันธนาการทั้งสังคมให้ต้องเปิดหน้าต่อไป การกลับมาของพี่ และโจทย์ที่รออยู่ของน้อง — ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ยังมีโทษจากคดีจำนำข้าว — ล้วนบอกเราว่า หนังสือเล่มนี้ยังไม่ปิด
คำสั่งศาลวันนี้ปิดเพียงหนึ่งบท แต่หน้าถัดไปยังเปิดค้างรออยู่ และหน้าถัดไปนั้น อาจถูกเขียนด้วยหมึกเดิม หมึกของกฎหมาย อำนาจ และคำสาปการเมือง ที่ยังไม่สิ้นสุดลง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีคำตอบ! รัฐบาลอนุทินมี ‘ศุภจี‘ เป็นจุดเด่น ทำไมปล่อยให้มี ’ธรรมนัส’ เป็นจุดอ่อน
คุณศุภจีคือตัวแทนของ "ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ" ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ดึงดูดชนชั้นกลางและคนเมือง และเป็นเกราะป้องกันทางการเมือง เมื่อฝ่า
ขนลุก! กูรูใหญ่ สาปแช่งพรรคเพื่อไทย หลังข่าวซูเอี๋ยพรรคส้ม
ความคิดที่เพื่อไทยและประชาชนจะจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งแล้วเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือท่าดีทีล้มละลายทางการเมือง
ศาลฎีกาพิพากษายืน คุกตลอดชีวิต สมาขิกเเก๊งค้ายาเล่าต๋า
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่
เปิด 3 ทฤษฎี! 'นายกฯหนู' ยุบสภาหลังโหวตวาระ 3 แก้รธน.
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้ความผ่านเฟซบุ๊กว่า Game of Thrones การเมืองไทย
ซ้อนแผนรวบ! อดีตนายอำเภอเมืองสรวง คดีไม้พะยูง ก่อนหมดอายุความ 3 วัน
จับกุมอดีตนายอำเภอเมืองสรวง จ.ร้อยเอ็ด ตามหมายจับคดี ม.157 พัวพันออกหนังสือรับรองไม้พะยูงข้ามชาติ หลังหลบหนีไป สปป.ลาว เจ้าหน้าที่ซ้อนแผนเกลี้ยกล่อมจนกลับเข้าไทย ก่อนครบอายุความ 15 ปีเพียง 3 วัน
รู้ทุกเรื่อง! กูรูใหญ่ เปิดแผนสุดแสบพรรคเพื่อไทย แก้เกมชิงยุบสภาหนีซักฟอก
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ด่วน


